TUKEMD

__TUKEMD__ชื่อบ้าน อ่านว่า ตุ๊ก-เอ็ม-ดี นะจ๊ะ เป็นชื่อในเน็ตของแม่ตุ๊กเองค่ะ

บ้านหลังน้อย หลังนี้เป็นของแม่ตุ๊ก,น้องมะปราง และ คุณป๋า

เป็นบล็อกเพื่อบันทึกความสุข ความทรงจำ ในการท่องเที่ยวที่ต่างๆของครอบครัวเราค่ะ



2559/03/01

1.สถานีวิจัยต้นน้ำขุนสถาน-ดอกชมพูภูคา-อุทยานแห่งชาติขุนสถาน อ.นาน้อย

วันศุกร์ที่ 26 ก.พ. 2559

ออกเดินทางจากหาดใหญ่ด้วยสายการบินนกแอร์ เวลา 8:00 น. ถึงสนามบินดอนเมืองเวลา 9:30 น.
รอต่อเครื่องไปน่าน เวลา 12:45 น. เมื่อถึงเวลาก็เดินไปขึ้นเครื่องได้เลยค่ะ พอเห็นเครื่องลำที่จะพาเราบินไปน่านแล้วตื่นเต้นนิดนึงเพราะลำเล็กมากๆ ขนาดประมาณรถบัสคันใหญ่ ด้านในที่นั่งเป็นแบบ 2-2 คุณป๋าจองที่นั่งด้านหน้าติดกับห้องนักบินเลยค่ะ



ใช้เวลาบินประมาณ 1.5 ชม.ก็เดินทางมาถึงท่าอากาศยานน่านนครค่ะ 
ลงจากเครื่องก็เดินเข้ามาในตัวอาคารได้เลย สนามบินเล็กๆน่ารัก อากาศตอนนี้ลมเย็นสบายมากค่ะ



รอรับกระเป๋าแป๊บเดียวค่ะ เพราะมีเครื่องเราลงลำเดียว




เวลา 15:00 น. เดินออกมารับรถเช่าที่หน้าอาคาร ครั้งนี้เราใช้บริการของ บ. Nan at love รถใหม่ดีค่ะ
เอาสัมภาระใส่ท้ายรถเสร็จ ก็ออกเดินทางท่องเที่ยวกันได้เลย



จุดหมายของวันนี้คือ อุทยานแห่งชาติขุนสถาน อ.นาน้อย จ.น่าน 
คุณป๋าใช้เส้นทางสายแพร่ ทางหลวงหมายเลข 101 ถนนดีค่ะขับสบาย ระยะทางประมาณ 90 กม.



แวะถ่ายรูปข้างทาง เพราะมะปรางเริ่มเวียนหัวนิดๆ เส้นทางขึ้นเขาจะคดเคี้ยวพอสมควร




แดดอ่อนๆแต่อากาศสดชื่นเย็นสบายค่ะ




หยุดถ่ายรูปตลอดทางที่ขึ้นเขาเลยค่ะ




ภูเขาแถวนี้ต้นไม้น้อยมาก ส่วนใหญ่เป็นภูเขาหัวล้านมีแต่ทุ่งหญ้าแห้งๆ




ถ้าเป็นหน้าร้อนคงจะร้อนจัดมากๆเลยค่ะ



แต่ครั้งนี้พวกเรามาตอนปลายหน้าหนาวอากาศเลยยังเย็นสบาย




ตลอดเส้นทางบนเขาจะมีร้านขายกาแฟแบบนี้หลายร้านค่ะ




แวะพักชมวิวสวยๆ





ชาวเขา(ม้ง)จะปลูกสตรอเบอรรี่ริมถนนตรงไหล่เขา เข้าไปอุดหนุนได้ค่ะ




สตอรเบอรี่ไร้สารเคมี ลูกเล็กๆ




เด็ดจากต้นมาลองชิมก่อนซื้อค่ะราคาไม่แพง ถุงละ 100 บ.(ประมาณครึ่ง กก.)





ถ้ามีอาหารขายด้วยก็ดีนะคะ นั่งทานไปชมวิวไป




พักหายเหนื่อยแล้วก็ออกเดินทางต่อค่ะ ยิ่งสูง ยิ่งหนาว หมอกเริ่มหนา




เวลาประมาณ 17:00น.เดินทางมาถึงสถานีวิจัยต้นน้ำขุนสถาน 
ตอนแรกแม่ตุ๊กจองที่พักหลังสวยนี้ค่ะ แต่วันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ ที่พักเต็มหมดเลย




อุณหภูมิตอนนี้ประมาณ 20 องศา




บ้านพักหลังนี้ ชื่อ บ้านเงาไม้ เป็นหลังที่สวยที่สุดอยู่บนเนินสูง 
ช่วงดอกพญาเสือโคร่ง(ซากุระเมืองไทย)บาน ประมาณเดือน ธ.ค.-ม.ค.บริเวณนี้จะสวยงามเหมือนอยู่เมืองนอกเลยค่ะ






มองจากบ้านพักลงมาจะเห็นวิวของภูเขาด้านล่าง




มะปรางขอลองพิสูจน์กลิ่นหญ้าหอม กลิ่นเย็นๆคล้ายมิ้นท์ค่ะ 



สตรอเบอรรี่ลูกใหญ่ถุงละ 120 บาท




จุดเด่นที่สำคัญของที่นี่คือ ต้นชมพูภูคา ออกดอกประมาณเดือน ก.พ.-มี.ค.



ดอกชมพูภูคาพบแห่งเดียวในโลกที่จังหวัดน่าน 
แหล่งดั้งเดิมแห่งแรกอยู่ที่อุทยานแห่งชาติดอยภูคา อ.ปัว แต่ทางสถานีฯได้นำมาปลูก 5 ต้น




วันนี้เราโชคดีค่ะได้มาเห็นดอกชมพูภูคา ที่เห็นประมาณ 3-4 ช่อ. ก่อนมาน่านแม่ตุ๊กโทรมาถามเจ้าหน้าที่สถานีวิจัยฯก่อนค่ะว่ากำลังออกดอกจริงๆ เพราะเป็นพันธุ์ไม้หายากจึงอยากเห็นของจริงสักครั้ง



จนท.บอกว่าปีนี้บานช้าเนื่องจากอากาศเย็นมาก ปกติจะเริ่มบานตั้งแต่กลางเดือน ก.พ.




                                                           ต้นสูงมาก ต้องซูมถึงจะเห็นชัดๆ




ออกจากสถานีเราก็มุ่งหน้าไปยังอุทยานแห่งชาติขุนสถาน 
ที่ทำการอุทยานตั้งอยู่บนเนินเขาทางขวามือ ขับรถขึ้นไปได้เลยค่ะ ทางชันพอสมควร




ด้านในมีที่จอดรถ เจ้าหน้าที่กำลังกางเต๊นท์กันอยู่เพราะใกล้จะมืดแล้ว พวกเราเลยเดินชมวิวก่อนค่ะ




บ้านพักมี 4 หลัง บนเนินตรงนี้คือบ้านดอยแม่จอก 1-2




ตอนนี้พวกเราอยู่บนยอดเขาสูงกว่าระดับน้ำทะเล 1,380 เมตร



บนยอดเขานี้เรียกว่า ดอยแม่จอก เราสามารถชมทิวทัศน์รอบด้านได้ค่ะ




อุทยานแห่งชาติขุนสถาน ได้รับการยกย่องให้เป็นดินแดนแห่งขุนเขา (มองไปรอบๆมีแต่ภูเขา)



ทานอาหารเย็น(เตรียมมาจากในเมืองนะคะ ข้างบนไม่มีร้านอาหาร)และนั่งชมวิวจากระเบียงบ้านพัก 




วันเสาร์ที่ 27 ก.พ. 2559 เวลา 6:30 น.
ปลุกมะปรางให้ตื่นแต่เช้าจะมาดูพระอาทิตย์ขึ้นกันค่ะ




พระอาทิตย์ขึ้นแล้วแต่อากาศยังเย็นจัดไม่อยากออกไปนอกห้อง เลยขอนั่งดูจากในห้องพักก่อนแล้วกัน






ตอนนี้ด้านนอกอุณหภูมิประมาณ 10 องศา หมอกหนามากๆค่ะ






ระเบียงชมวิวหน้าห้องพัก




ขณะนี้เวลาประมาณ 7 นาฬิกา








ออกมาเดินเล่นรอบๆอุทยานฯ




สงสัยว่าข้างหน้านี้เป็นทะเลหมอก หรือเมฆกันแน่?






ลานกลางเต๊นท์







ไม่ได้เจอบรรยากาศแบบนี้มานานมากแล้วค่ะ รอบๆตัวเต็มไปด้วยทะเลหมอก




แอบดูภายในเต๊นท์ ถ้าเข้าไปนอนแล้วน่าจะอุ่นดีนะคะ






ถ้าไม่ต้องกลับไปทำงานอยากอยู่บนดอยนี้หลายๆวันเลยค่ะ



ขึ้นไปชมวิวบนเนินกันค่ะ




หนาวมากๆๆ ลมพัดมาแต่ละทีปากสั่นเลยค่ะ





ภาพจริงสวยกว่าในภาพถ่ายมากมาย





เมฆลอยต่ำจนเหมือนเราจะสัมผัสได้เลยค่ะ






บ้านพัก ดอยแม่จอก 1-2 ตรงนี้จะเป็นชุดชมวิวที่สวยมากๆค่ะ




มองไกลๆเหมือนบ้านอยู่บนเมฆเลยนะคะ


แวะมาหาอาหารเช้าทานที่ร้านค้าของอุทยานฯ
อาหารปรุงสดต้องสั่งล่วงหน้าค่ะ แต่ถ้าจะทานเลยก็มี มาม่า กาแฟ ไข่ต้มไว้ขาย
มะปรางขอมาเป็นแม่ค้าขายสตรอเบอรรี่แป๊บนึงค่ะ ลูกใหญ่ หวาน กรอบ



อุดหนุนซื้อของที่ระลึกก่อนกลับ




ด้านหลังนี้คือที่ทำการอุทยานแห่งชาติขุนสถาน




ธงชาติไทยโดดเด่นเหนือยอดดอย



ตอนกลางคืนนักท่องเที่ยวทุกคนจะมานั่งรวมกันในที่ทำการนี้เพื่อจะช้าตอุปกรณ์ไฟฟ้าทุกชนิด
เราจะเห็นมีเต้าเสียบวางเรียงอยู่เป็นแถวเลยค่ะ 






ด้านหลังที่ทำการจะมีห้องครัวให้มาทำอาหารที่เตรียมมาเองได้ค่ะ



ห้องน้ำรวมสำหรับผู้ที่กางเต๊นท์



ต้นนางพญาเสือโคร่ง



ปลูกไว้รอบๆดอย ต่อไปคงออกดอกสวยงามมากแน่ๆค่ะ




บ้านพักของเราเมื่อคืนนี้ค่ะ ดอยแม่จอก 4
ภายในนอนได้ 6 คน(แต่พวกเราเหมาหมดเลยค่ะ)มีห้องน้ำและเครื่องทำน้ำอุ่นพร้อม
ค่าที่พักไม่ได้กำหนดไว้แล้วแต่นักท่องเที่ยวจะให้ทางอุทยานค่ะ




เมื่อคืนนี้อากาศหนาวเย็นเหมือนนอนในตู้เย็นเลยค่ะ อุณหภูมิประมาณ 6 องศา ต้องปิดหน้าต่างหมดและใช้ผ้าห่มคนละสองผืนถึงจะนอนหลับได้ ได้ยินคนที่นอนในเต๊นท์ด้านนอกเค้าหนาวจนนอนไม่ไหวเลย




เวลา 9:00 น.ได้เวลาออกเดินทางจากขุนสถานแล้วค่ะ



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น