TUKEMD

__TUKEMD__ชื่อบ้าน อ่านว่า ตุ๊ก-เอ็ม-ดี นะจ๊ะ เป็นชื่อในเน็ตของแม่ตุ๊กเองค่ะ

บ้านหลังน้อย หลังนี้เป็นของแม่ตุ๊ก,น้องมะปราง และ คุณป๋า

เป็นบล็อกเพื่อบันทึกความสุข ความทรงจำ ในการท่องเที่ยวที่ต่างๆของครอบครัวเราค่ะ



2559/03/02

2.วัดบุญยืน-เที่ยว อ.เวียงสา-วัดพระธาตุแช่แห้ง-ไหว้พระ 7 วัดเมืองน่าน

วันเสาร์ที่ 27 ก.พ.2559

เวลา 9:00น.เดินทางออกจากอุทยานฯ วันนี้คุณป๋ากลับเส้นทาง อ.นาน้อย(คนละเส้นทางกับตอนมา)






ระยะทางลงเขาประมาณ 20 กม.ใช้เวลาประมาณ 40 นาทีก็เข้าสู่ตัวเมืองนาน้อย




แวะไหว้พระที่วัดอ้อย เสียดายที่โบสถ์ปิดเลยไว้พระรอบๆแทนค่ะ




ขับรถต่อมาอีกประมาณ 30 กม.ก็มาถึง อ.เวียงสา แวะวัดบุญยืน



ต้องจอดรถไว้ด้านนอกเพราะด้านในกำลังมีการก่อสร้างกำแพงชั้นในอยู่ค่ะ





พระอุโบสถงดงาม หลังคาทำด้วยไม้สักทรงล้านนา



วัดบุญยืนเป็นพระอารามหลวงวัดแรกและวัดเดียวใน อ.เวียงสา 
สร้างโดยเจ้าผู้ครองนครน่านเมื่อ พ.ศ.2343




เข้าไปด้านในโบสถ์กันค่ะ เปิดประตูก็จะพบกับ พระพุทธรูปปางประทับยืนโดดเด่นสวยสง่า







เป็นพระพุทธรูปปางประทับยืนที่ใหญ่ที่สุดใน จ.น่าน สูง 8 ศอก




ด้านหลังโบสถ์มีพระธาตุเจดีย์สีขาว ลักษณะเป็นเจดีย์ทรงปราสาท ศิลปะล้านนา



ในรูปนี้จะเห็นหลังคาของพระอุโบสถเรียงลดหลั่นกันแปลกตามากค่ะ



แผนที่ อ.เวียงสา มีสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งค่ะ



เดินข้ามถนนมาจากวัดบุญยืน ฝั่งตรงข้ามคือ ที่ว่าการอำเภอสา
เป็นอาคารไม้โบราณที่มีประวัติว่าในปี พ.ศ.2501 พระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จมาที่ จ.น่านเป็นครั้งแรก
และได้ทรงขึ้นไปประทับ ณ มุขหน้าที่ว่าการอำเภอ



 ด้านบนเป็นห้องนิทรรศการและพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น วันนี้เป็นวันหยุดค่ะ เราเลยไม่ได้เข้าไปชม
 คงเพิ่งจัดงานยังไม่ได้เอาไม้ไผ่ออกเลยมองเห็นตัวอาคารไม่ชัด




ด้านหน้าที่ว่าการฯเป็นเรือยาว(ดูแล้วน่าจะยาวเกือบ10เมตร) เมืองน่านขึ้นชื่อเรื่อง ประเพณีแข่งเรือยาว




ขับรถออกไปนอกเมืองก่อนถึงสถานีตำรวจ จะพบทางเลี้ยวทางซ้ายมือเป้นทางไป
สำนักวิปัสสนาสมเด็จสุญญติวิโมกข์




สองข้างทางจะพบกับบ้านไม้โบราณสวยๆหลายหลัง อดใจไม่ไหวต้องหยุดรถลงไปเดินชมเลยค่ะ



ขับเข้ามาประมาณ 2 กม.ก็ถึงสำนักวิปัสสนาฯ จอดรถแล้วเข้าไปไหว้พระด้านในกันค่ะ



พระพุทธรูปไม้ใหญ่ที่สุดในโลก



พระพุทธรูปองค์นี้แกะสลักจากไม้ตะเคียนทั้งต้นตั้งแต่ปี พ.ศ.2541 มีส่วนสูง 8 เมตร 9 นิ้ว




แผนผังของสถานที่ต่างๆในสำนักวิปัสสนาฯ



ประตูโบสถ์เป็นบานไม้แกะสลักละเอียดสวยงามมาก..เข้าไปด้านในไม่ได้เพราะโบสถ์ปิดค่ะ




ด้านหลังโบสถ์คือ พระเจดีย์เกตุแก้วจุฬามณี





วิหารเจ้าแม่กวนอิมและต้นศรีมหาโพธิ์พระประจำวันเกิด




ไหว้พระจนครบแล้วก็ออกเดินทางต่อค่ะ




มุ่งหน้าขึ้นเหนือสู่ อ.ภูเพียง ข้ามแม่น้ำน่าน ไปสักการะพระธาตุแช่แห้ง




ตำแหน่งที่ตั้งของวัดนี้อยู่บนเนินเขาเตี้ยๆ เมื่อมองจากบันไดนาคลงไปจะเห็นวิวของตัวเมืองภูเพียงค่ะ




ด้านหลังนี้คือพระมหาเจดีย์ชเวดากองจำลอง




พระธาตุประจำผู้เกิดนักษัตรปีมะเมีย




พระธาตุเกศแก้วจุฬามณี พระธาตุประจำผู้เกิดนักษัตรปีจอ
เช้าวันนี้คุณป๋าได้ไหว้พระธาตุประจำปีเกิดสองที่เลยค่ะ



       พระวิหารพระพุทธไสยาสน์(พระวิหารพระเจ้านอน) อยู่ด้านหน้า นอกกำแพงแก้วขององค์พระธาตุ




ภายในวิหารประดิษฐานพระนอนสีทององค์ใหญ่



พระบาทโดนลูบถูจนลอกหมดเลยค่ะ




ด้านในกำแพงแก้วมีวิหารหลวงอยู่ทางทิศใต้ขององค์พระธาตุ



พระธาตุแช่แห้งสีทองอร่าม ปูชนียสถานที่สำคัญของเมืองน่าน



ประวัติพระธาตุแช่แห้ง สันนิษฐานว่า พญาการเมืองโปรดเกล้าให้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.1896 
(อายุราว 600กว่าปี) เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่ได้มาจากเมืองสุโขทัย





พระธาตุมีความสูง 55.5 เมตร ตั้งอยู่บนฐานสี่่หลี่ยม เจดีย์ทรงระฆัง





พระธาตุแช่แห้งองค์เดิมก่อนที่จะมีการบูรณะ




พวกเราไม่ได้เข้าไปไหว้พระในวิหารหลวง เพราะมีตำรวจยืนเฝ้าอยู่หน้าทางเข้าอาจจะเป็นคนสำคัญของจังหวัดมาไหว้พระอยู่ด้านใน (ไม่กล้าถ่ายรูปวิหารหลวงมาด้วยค่ะ แอบติดหลังคานิดๆ)




เลยเดินอ้อมไปด้านหลังจะพบกับ วิหารพระเจ้าทันใจและรอยพระพุทธบาทจำลอง




เดินวนรอบเจดีย์ครบหนึ่งรอบค่ะ



คุ้มเจ้าหลวงท้าวขาก่าน ท่านเป็นเจ้าหลวงเมืองน่านผู้พิชิตญวน









เวลา 14:00 น.ออกเดินทางจาก อ.ภูเพียง ข้ามแม่น้ำกลับมาที่ตัวเมืองน่าน(ห่างกันประมาณ 3 กม.)
หาที่จอดรถบริเวณใกล้ๆ ถ.สุริยพงศ์แล้วก็เดินไหว้พระได้หลายวัดเลยค่ะ

วัดที่ 1 คือ วัดภูมินทร์
แวะเข้าไปชมพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านด้านในก่อนค่ะ




วัดภูมินทร์ สร้างขึ้นเมื่อปีพ.ศ. 2139 เป้นวัดเพียงแห่งเดียวในประเทศไทยที่สร้างทรงจัตรมุข 
ดูเหมือนตั้งอยู่บนหลังพญานาคขนาดใหญ่ 2 ตัว ด้านหลังที่เห็นเป็นหางพญานาคค่ะ




ด้านในพระอุโบสถ เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดใหญ่ 4 องค์
 โดยหันพระพักตร์ออกไปที่ประตูทั้ง 4 ทิศ





ภายในผนังวิหารทั้ง 4 ด้านมีภาพจิตรกรรมฝาผนังที่งดงามและมีชื่อเสียง โดยเฉพาะภาพนี้ค่ะ
ภาพ"กระซิบรักบันลือโลก" ภาพปู่ม่าน-ย่าม่าน
 เป็นภาพที่มีชื่อเสียงมากที่สุดถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของเมืองน่านเลยค่ะ




ภาพต่างๆแสดงถึงชีวิตความเป็นอยู่ของชาวน่านในอดีต 
หลายภาพก็มีการลบเลือนไปมากเพราะมีอายุหลายร้อยปี





ภาพชายหญิงเกี้ยวพาราสี และการแต่งกายแบบผ้าซิ่นลายน้ำไหล




มีภาพจิตรกรรมมากมายหลากหลายเรื่องราว



ไหว้พระพุทธรูปจนครบทั้ง 4ด้าน 4 องค์



เดินออกมาด้านหน้าพระอุโบสถจะพบกับหัวพญานาคทั้ง 2 ตัว




มาเมืองน่านเราจะพบกับภาพกระซิบรักอยู่ทุกที่เลยค่ะ




เดินข้ามถนนมาฝั่งตรงข้ามจะพบกับโบราณสถานวัดน้อย

วัดที่ 2 วัดน้อย
รูปทรงของวัดเป็นวิหาร ก่ออิฐ ถือปูน ขนาดกว้าง 1.98 เมตร ยาว 2.34 เมตร สูง 3.35 เมตร



มีพระพุทธรูปและแผงพิมพ์ไม้ประดิษฐานอยู่ภายใน เชื่อว่าเป็นวัดที่เล็กที่สุดในประเทศไทย



ประวัติและความเป็นมาของวัดน้อย




เดินตัดสนามมาจะพบกับ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน 
เดิมเป็นคุ้มของเจ้าผู้ครองน่าน สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2446




ตัวอาคารสีเหลืองมีการตกแต่งด้วยลายลูกไม้ ด้านในมีการจัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับล้านนา 
ความเป็นอยู่ของชนกลุ่มน้อยและมีการจัดแสดงเรื่องราวประวัติศาสตร์ของเมืองน่าน
 ที่สำคัญที่สุดคือ ห้องเก็บ"งาช้างดำ"ซึ่งเป็นปูชนียวัตถุคู่เมืองน่าน



จุดนี้นักท่องเที่ยวแทบทุกคนที่มาเมืองน่านต้องถ่ายรูปค่ะ "อุโมงค์ต้นลีลาวดี"
ดูจากสภาพต้นแล้วน่าจะมีอายุเป็นร้อยปีแน่ๆเลยค่ะ




เดินมาตามถนนผากองจะพบวัดทางซ้ายมือ

วัดที่ 3 วัดหัวข่วง
สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยล้านนาตอนปลาย พุทธศตวรรษที่ 20-22 มีวิหารที่สวยงาม
เป็นอาคารทรงจั่วหน้าบันประดับลวดลายไม้รูปพรรณพฤกษา




ด้านในประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยสำริด





 หอไตรมีลักษณะคล้ายวิหารขนาดเล็ก ประดับลายแกะสลักสวยงาม



วัดหัวข่วง เป็นวัดที่มีความงดงามของวิหาร เจดีย์ ธรรมมาส และหอไตร 
เป็นศิลปกรรมแบบท้องถิ่นล้านนา กรมศิลปากรประกาศให้เป็นโบราณสถานแห่งชาติเมื่อ พ.ศ. 2523



วัดที่ 4 วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร
อยู่ตรงสี่แยกข่วงเมือง เป็นพระอารามหลวงสำคัญของน่าน
พระธาตุเจดีย์ฯเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ 
ที่เจดีย์มีรูปช้างปูนปั้นเพียงครึ่งตัวประดับอยู่โดยรอบ
ในวิหารด้านข้างมีพระพุทธรูปทองคำปางลีลา"พระพุทธนันทบุรีศรีศากยมุนี"




เดืมชื่อ วัดหลวงกลางเวียง



ด้านในโบสถ์มีคนมานั่งสมาธิหลายคนเลยค่ะ





เด็กน้อยกางจ้อง



เดินออกมาด้านนอกมีบ้านไม้โบราณสวยดีค่ะ



นำมาดัดแปลงเป็นร้านกาแฟยี่ห้อดัง..ดื่มกาแฟในสวน



เวลา 15:00 น.คุณป๋าขับรถพาเข้ามาในตลาดแวะที่โรงแรมพูคาน่านฟ้า เป็นโรงแรมที่ดีที่สุดในจังหวัดค่ะ
เป็นอาคารไม้สามชั้นขนาดใหญ่ อยู่ตรงข้ามตลาดสด ด้านในแอร์เย็นมากตกแต่งหรูหรา




เราไม่ได้มาพักที่นี่นะคะ แม่ตุ๊กมาซื้อหนังสือนิยาย "สิเนหามนตาแห่งลานนา"ไปฝากเพื่อนค่ะ
แต่งโดยคุณบันฑูร ล่ำซำ เจ้าของโรงแรม(ขอบคุณภาพนี้จาก www.manager.com)




มะไฟ นางเอกของเรื่อง....ซื้อปุ๊บรีบอ่านก่อนเลยค่ะ พรุ่งนี้จะได้เที่ยวตามรอยหนังสือ




เวลา 16:00 น.ขับรถมาเช็คอินที่พักคืนนี้ค่ะ "เฮือนพักใจ"




บ้านหลังนี้มีสองห้องนอน แต่วันนี้ไม่มีแขกมาพัก พวกเราก็เลยได้เป็นเจ้าของบ้านทั้งหลังเลยค่ะ
ชั้นล่างเป็นห้องนั่งเล่น ห้องอาหารทานกาแฟ ชั้นบนเป็นห้องนอนขนาดใหญ่มากๆ




ห้องน้ำก็ใหญ่มากมีอ่างอาบน้ำครบ อาบน้ำทานขนมนอนพักสักนิด ชีวิตไม่เร่งรีบ




เวลา 17:00 น.ศึกษาแผนที่ก่อนไปเที่ยวต่อค่ะ




ออกจากที่พักขับมาบนทางหลวง 101 ก่อนถึงสะพานเข้าเมืองน่าน จะเห็นทางแยกซ้ายมีป้ายบอกทาง

วัดที่ 5 วัดพญาวัด-พระธาตุจามเทวี




พระอุโบสถเล็กๆแต่งดงามมากๆ



ปูนปั้นลวดลายละเอียดลงสีทอง





ด้านในเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปเก่าแก่ชื่อว่า พระเจ้าสายฝน
ด้านข้างเป็นธรรมมาสน์ฝีมือช่างน่านที่เก่าแก่ที่สุด ตัวธรรมมาสน์เป็นไม้แกะสลัก



พระเจ้าสายฝน หรือพระเจ้าฝนเสนห่า เป็นพระพุทธรูปไม้ ชาวเมืองน่านเคยนำมาขอฝนเมื่อเกิดความแห้งแล้ง แต่พิธีขอฝนทำครั้งสุดท้ายเมื่อปี พ.ศ.2533 แล้วก็ไม่ทำอีกเลยเพราะกลัวองค์พระจะชำรุด



หน้าต่างพระอุโบสถเป็นไม้แกะสลักลาย 12 นักษัตร



มะปรางร่วมทำบุญปิดทองช่อฟ้า...จะเห็นรูปข้างบนว่าพระอุโบสถไม่มีช่อฟ้าเพราะหักอยู่ค่ะ




สถูปเจดีย์สร้างด้วยศิลาแลงในสมัยพระนางจามเทวี เป็นทรงซุ้มสี่เหลี่ยมซ้อนกัน 5 ชั้น 
แต่ละชั้นประดิษฐานพระพุทธรูปยืน



ด้านล่างมีรอกให้เอาน้ำใส่ขันดึงขึ้นไปรดบนยอดพระธาตุได้ค่ะ




มะปรางสนุกกับการรดน้ำพระธาตุฯมากๆ



ขับรถเข้ามาในตัวเมืองน่านบริเวณสี่แยก ถ.เจ้าฟ้าตัดกับ ถ.สุริยพงษ์ จะพบกับวิหารสีทองอร่ามโดดเด่น

6.วัดศรีพันต้น




สร้างโดยพญาพันต้น แห่งราชวงศ์ภูคา (ครองนครน่าน พ.ศ.1960-1969)
เป็นวัดที่มีจิตรกรรมปูนปั้นที่สวยงามมากโดยเฉพาะพญานาคเจ็ดเศียร เฝ้าบันไดวิหาร



ภายในวิหารมีจิตรกรรมฝาผนังประวัติพระพุทธเจ้า และกำเนิดเมืองน่าน ลงสีธรรมชาติสีสันสวยงามมาก





เดินข้ามถนนตรงข้ามวัดคือร้านของหวานป้านิ่ม ร้านชื่อดังของน่านคนมากินกันแน่นร้านเลยค่ะ




มาทานอาหารเย็นที่ กาดข่วงเมืองน่านค่ะ (ถนนคนเดินวัดภูมินทร์) เปิดทุกวัน ศุกร์-เสาร์-อาทิตย์
ข่วงเมืองน่าน คือลานโล่งขนาดใหญ่ใจกลางเมืองน่าน ตั้งอยู่ด้านหน้าวัดภูมินทร์
ตอนเย็นจะมีเสื่อมาปูและมีขันโตกวางให้คนมาจับจองนั่งเล่นกันได้ตามใจ



พวกเราออกไปซื้ออาหารตรงถนนคนเดินมานั่งทานกันค่ะ ทานไปฟังเพลงไปมีความสุขมาก




ยิ่งมืดอากาศยิ่งสบาย คนก็ยิ่งแน่น นั่งกันเต็มไปหมดเลยค่ะ 




เวลา 20:00 น.เดินออกมาไหว้พระ วัดสุดท้ายของคืนนี้

7.วัดมิ่งเมือง




ด้านหน้าอุโบสถเป็นที่ประดิษฐานของศาลพระหลักเมืองน่าน
เสาหลักเมืองสูงประมาณ 3 เมตร ยอดเสาเป็นรูปพระพรหม 4 พักตร์ ชื่อ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา



วัดนี้เดิมเป็นวัดร้าง มีเสาหลักเมืองที่เป็นท่อนซุงขนาดใหญ่ในซากวิหาร 
ประมาณปี พ.ศ.2400 เจ้าอนันตวรฤทธิเดช เจ้าเมืองน่านได้สถาปนาวัดนี้ขึ้นมาใหม่
 และตั้งชื่อว่า วัดมิ่งเมือง ตามชื่อเสาหลักเมือง





ปี พ.ศ.2527 ได้มีการรื้อถอนและสร้างพระอุโบสถใหม่ในรูปแบบศิลปกรรมร่วมสมัย 
ตัววิหารเป็นปูนปั้นที่โดดเด่นสวยงาม สีขาวงาช้าง



ภายในวิหารมีภาพจิตรกรรมฝาผนังฝีมือของนายสุรเดช กาละเสน ศิลปินเมืองน่าน 
เขียนขึ้นมาใหม่ คล้ายภาพจิตรกรรมวัดภูมินทร์




พวกเรามาถึงวัดมืดแล้วเลยไม่ได้ถ่ายรูปพระอุโบสถด้านนอกค่ะ



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น