TUKEMD

__TUKEMD__ชื่อบ้าน อ่านว่า ตุ๊ก-เอ็ม-ดี นะจ๊ะ เป็นชื่อในเน็ตของแม่ตุ๊กเองค่ะ

บ้านหลังน้อย หลังนี้เป็นของแม่ตุ๊ก,น้องมะปราง และ คุณป๋า

เป็นบล็อกเพื่อบันทึกความสุข ความทรงจำ ในการท่องเที่ยวที่ต่างๆของครอบครัวเราค่ะ



2561/09/30

เที่ยวกรุงสต็อคโฮล์ม สวีเดน (Stockholm)

วันศุกร์ที่ 21 กันยายน 2561
วันนี้มะปรางสอบปลายภาคเสร็จพอดี คุณป๋าเลยพาไปเที่ยวสแกนดิเนเวีย 3 ประเทศ
ทริปนี้พวกเราใช้บริการของสายการบินไทยเพื่อความสะดวกในการต่อเครื่องเพราะเป็นการเดินทางระยะไกลที่สุด รวมระยะทางจากหาดใหญ่ไปถึงสต็อกโฮล์ม ประมาณหนึ่งหมื่นกิโลเมตร
จนท.สายการบินเช็คทรู กระเป๋าไปรอพวกเราที่ปลายทาง ผ่าน ตม.ที่นี่ได้เลยค่ะ
เวลา 20:30 น.ออกเดินทางไปสุวรรณภูมิ เข้าไปนั่งรอต่อเครื่อง 2 ชม.

วันเสาร์ที่ 22 กันยายน 2561
เวลา 01:00 น.ออกเดินทางส่กรุงสต็อคโฮล์ม ประเทศสวีเดน เที่ยวบิน TG 960 ใช้เวลาประมาณ 11 ชม.

พอขึ้นเครื่องสักพักก็เริ่มแจกอาหารเย็นเพราะเวลาที่ปลายทางตอนนี้ประมาณ 20:00 น.
พวกเราไม่หิวเลยขอนอนดีกว่า ตื่นมาอีกทีก็เห็นแสงอาทิตย์ที่ขอบฟ้าแล้วค่ะ


 2 ชั่วโมงก่อนเครื่องลง พนักงานก็แจกอาหารเช้า ทานกันจนหมดเลยค่ะหิวมาก
เวลา 7:00 น.เดินทางมาถึงจุดหมายปลายทาง Stockholm-Arlanda Airport
เวลาที่นี่ช้ากว่าไทยประมาณ 5 ชม.ต้องปรับนาฬิกาย้อนกลับค่ะ

เวลา 8:00 น.ผ่าน ตม.ออกมารอรับกระเป๋า และสวมเสื้ออีก 2 ชั้นเพิ่มความอบอุ่นของร่างกายสักนิด อุณหภูมิข้างนอกประมาณ 10 องศาเซลเซียส มีฝนเล็กน้อย

เวลา 8:30 น.เดินทางเข้าในเมือง ผ่าน Stockholm Central เห็น City Hall อยู่ทางขวามือ

ข้ามสะพานเพื่อไปยังจุดชมวิวกันก่อนค่ะ


เวลา 9:00 น.มาถึงจุดชมวิว เสียดายวันนี้มีเรือสำราญมาจอดเทียบพอดี บังวิวไปเกินครึ่ง

บริเวณนี้คือย่าน Södermalm มีลักษณะเป็นเนินเขาเตี้ยๆเหมาะกับการมาชมวิว


มองไปทางซ้ายมือจะเห็นตัวเมือง Gamla stan เป็นเกาะเล็กๆอยู่ไม่ไกล

จุดชมวิวบริเวณนี้เรียกว่า Per Anders Fogelströms terrass

อาคารอิฐสีแดงข้างล่างคือพิพิธภัณฑ์ Fotografiska

มองเห็นสะพานที่ข้ามไป Gamla stan

เรือสำราญลำนี้ชื่อ Viking มาจากเดนมาร์ก ทั้งสูงและใหญ่มากบังวิวเกือบหมดเลยค่ะ


ด้านล่างคือท่าเรือ Stockholm Tegelvikshamnen


วันนี้อากาศครึ้มท้องฟ้ามีเมฆฝนดำ ภาพเลยจะมืดหน่อยค่ะ


เกาะด้านหลังที่เรือบังอยู่จะมีสวนสนุกชื่อ Gröna Lund พอมองเห็นยอดเสาของเครื่องเล่นโผล่มานิดๆ


ชมวิวและถ่ายรูปสักพักฝนก็ตก รีบขึ้นรถออกเดินทางต่อค่ะ

เวลา 9:30 น.เดินทางมาถึงศาลาว่าการเมืองสต็อกโฮล์ม


ตัวอาคารมีขนาดใหญ่ โดดเด่นด้วยอิฐสีแดง ปกคลุมผนังด้วยเถาไอวี่สีแดงสด

พวกเรามาช่วงใบไม้เปลี่ยนสีพอดีค่ะ เลยเห็นใบไม้เป็นสีแดงสวยมากๆ




เช้านี้ยังมีนักท่องเที่ยวไม่มาก คงเป็นเพราะฝนเพิ่งหยุดตก


พวกเราจองรอบเข้าชมด้านในไว้รอบแรกเวลา 10:00 น.ยังมีเวลาอีกครึ่ง ชม.เดินเล่นด้านนอกก่อน

ด้านหลังคือลานกว้างหน้าอาคาร : Stadshusparken

มีม้านั่งวางยาวตลอดแนว ลมแรงมากๆค่ะ
มองจากตรงนี้จะเห็นโบสถ์ Riddarholmen Church ในย่าน Gamla stan

ท่าเรือ Riddarholmen brygga ย่าน Gamla stan


Monument of  Engelbrekt เสาสูง 20 เมตร

ออกไปเดินรับลมริมทะเลสาบ


เนินฝั่งตรงข้ามคือย่าน Södermalm ที่พวกเราเพิ่งไปชมวิวมาค่ะ


 Lake Mälaren 


The Old Muchens Brewery  คืออาคารสีแดงฝั่งตรงข้าม


Stockholm City Hall : Stadshus ศาลาว่าการเมืองสต็อคโฮล์ม 


 ก่อสร้างระหว่างปี ค.ศ.1911-1923 ใช้เวลาสร้างนานถึง 12 ปี
 ออกแบบโดยสถาปนิกชื่อดังของสวีเดน คือ Ragnar Östberg  


สร้างด้วยอิฐจำนวน 8 ล้านก้อน



ศาลาว่าการนี้ตั้งอยู่ทางตะวันออกสุดของเกาะ Kungsholmen


หอคอยสูง 106 เมตร มีมงกุฏ 3 อันอยู่บนยอด
Monumental tower crowned by the Three Crowns, an old national symbol for Sweden.


เราสามารถขึ้นไปชมวิวบนยอดหอคอยได้ค่ะ มีที่ขายตั๋วอยู่ด้านหน้า
สามารถขึ้นโดยใช้ลิฟท์หรือเดินขึ้นบันได 365 ขั้น

หลังจากฝนหยุดตกก็เริ่มมีแดดอุ่นๆ

ที่นี่เป็นหนึ่งในอาคารที่มีความโดดเด่นที่สุดในสวีเดน
ก่อสร้างด้วยสไตล์เนชันแนลโรแมนติก (National Romanticism) 



รูปนูนต่ำของผู้ที่ได้รับรางวัลโนเบล


ด้านล่างอาคารเป็นโถงยาวตลอดแนวมีเสาและซุ้มโค้งจำนวนมาก




เวลา 10:00 น. ได้เวลาเข้าชมด้านในศาลาว่าการแล้วค่ะ



การเข้าชมด้านในต้องมี local guide นำชมและบรรยายเป็นรอบๆทุกชั่วโมง



Inner courtyard of Stockholm City Hall


จากมุมนี้พอจะมองเห็นมงกุฏที่ยอดหอคอย




เดินตามไกด์เข้ามาด้านในแล้วค่ะ

Blue Hall หรือ ห้องโถงสีฟ้า เป็นห้องโถงใหญ่ตรงกลาง 
ตกแต่งประดับสวยงามด้วยศิลปะสมัยใหม่ในศตวรรษที่ 20 โดยใช้หินอ่อนและอิฐของสวีเดน 

และยังได้รับแรงบันดาลใจในการตกแต่งมาจากปราสาทสไตล์เรอเนสซองต์ของอิตาลีด้วย

ตอนแรกคนออกแบบต้องการทาสีผนังอิฐให้เป็นสีน้ำเงินแต่ก็เปลี่ยนใจเมื่อได้สัมผัสกับความงดงาม
ของก้อนอิฐสีแดง แม้ว่าผนังจะยังคงมีสีแดงแต่เขาก็เลือกจะตั้งชื่อโถงนี้ว่า บลาฮาลเลน (Blå hallen)  แปลว่าโถงสีน้ำเงิน เนื่องจากชื่อเป็นที่คุ้นเคยของชาวสต็อคโฮล์ม 

   The Nobel Banquet ( Nobelfesten) งานฉลองรางวัลโนเบล
จัดขึ้นที่ห้องนี้ในวันที่ 10 ธันวาคมของทุกปีแต่งานพิธีมอบรางวัลจริงไม่ได้จัดขึ้นที่นี่ 


รางวัลโนเบล เป็นรางวัลประจำปีระดับนานาชาติ ซึ่งจัดโดยคณะกรรมการสแกนดิเนเวีย พิจารณาผลงานวิจัยหรือสิ่งประดิษฐ์ที่โดดเด่น หรือสร้างคุณประโยชน์ให้กับมนุษยชาติ ทั้งในด้านวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรม ตามเจตจำนงของอัลเฟรด โนเบล นักเคมีชาวสวีเดน ผู้ประดิษฐ์ไดนาไมท์ โดยก่อตั้งขึ้นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1895
การมอบรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพจัดขึ้นที่เมืองออสโล ประเทศนอร์เวย์ ส่วนสาขาอื่นๆ จัดที่เมืองสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน โดยผู้พระราชทานคือ สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งราชอาณาจักรสวีเดน

นอกจากนี้แล้วบลูฮอลล์ยังเป็นสถานที่จัดแสดงออร์แกนท่อที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในสแกนดิเนเวีย
คือเป็นออร์แกนที่ประกอบด้วยท่อมากถึง 10,000 ท่อ และมีสต็อปถึง 135 ตัว

ขึ้นไปชมด้านบนกันต่อค่ะ



ริมทางเดินระหว่างห้องต่างๆมีของเก่าให้ชมหลายชิ้น




เหรียญที่ระลึกหลายแบบ



City Council Chamber  : ห้องประชุมสภาเมือง


เป็นสถานที่จัดประชุมของสมาชิกสภาเมืองสต็อคโฮล์ม 101 ท่าน
ด้านบนเป็นที่นั่งของประชาชนให้เข้าไปชมการประชุมได้

ที่นั่งตรงกลางเป็นของนายกรัฐมนตรี 1 ท่าน

แต่ละที่นั่งจะมีชื่อติดอยู่

มองขึ้นไปบนเพดานจะเต็มไปด้วยไม้คานที่ออกแบบคล้ายกับเรือของชาวไวกิ้ง


ในแต่ละช่องมีภาพเขียนมากมาย ทาด้วยสีฟ้า ทำให้เหมือนมองเห็นท้องฟ้าตลอดเวลา

Oval Room : ห้องรูปไข่

เพดานตกแต่งแปลกตา

ผนังห้องตกแต่งด้วยผ้าม่านที่ทอขึ้นมาตั้งแต่ปลายคริสต์ศตวรรษที่ 17 จากเมืองโบเวส์ ฝรั่งเศส
 และเพื่อเป็นการอนุรักษ์โบราณวัตถุเหล่านี้ จึงห้ามไม่ให้ใช้แฟลชในการถ่ายภาพ


Prince Gallery
เป็นห้องทางทิศใต้ ทอดยาวตลอดแนว มีหน้าต่างขนาดใหญ่หลายบาน 
The French windows running the length of the Gallery’s south side.


บริเวณช่องหน้าต่างจะมีประติมากรรมนูนรูปตัวละครชายหญิงจากตำนานคลาสสิคของชาวนอร์ดิก



สามารถชมวิวของทะเลสาบมาลาเรน และชายฝั่งของสต็อคโฮล์มได้จากหน้าต่างนี้

ส่วนอีกฟากหนึ่งของห้อง เราจะได้พบภาพแบบเดียวกันกับที่มองจากหน้าต่าง


 ภาพวาดฝีพระหัตถ์ของเจ้าชายยูเจน เป็นภาพเฟสโก (fresco)


Created by Prince Eugen, artist and brother of the Swedish King Gustav V.


ธงประจำเมืองสต็อคโฮล์ม 


เดินชมแต่ละห้องตามไกด์ไปเรื่อยๆค่ะ


ตู้ไม้โบราณ

ตกแต่งด้วยงานแกะสลักรูปคนสวยงามมาก

มาถึงห้องสุดท้ายแล้วค่ะ

The Golden Hall (Gyllene Salen) : ห้องทองคำ 
ผนังตกแต่งด้วยกระเบื้องโมเสคที่ทำจากแก้วและทองคำกว่า 18 ล้านชิ้น 
โดยฝีมือของเอย์นาร์ ฟอร์เซ็ธ (Einar Forseth)


รูปภาพเหล่านี้บอกเล่าเรื่องราวความเป็นมาของชาวสวีเดนในอดีต
The history of Sweden from the 9th century to the 1920s.


Queen of Lake Mälaren
ผนังด้านหน้าโดดเด่นด้วยรูปราชินีแห่งทะเลสาบมาลาเร็นนั่งอยู่บนบัลลังก์


ห้องนี้ใช้สำหรับจัดงานเต้นรำและงานรื่นเริงหลังจากรับประทานอาหารในงานเลี้ยงด้านล่างเสร็จแล้ว

ผนังด้านข้างก็งดงาม หรูหรา


ชมความงามและถ่ายรูปเสร็จ ก็เดินออกมาที่ระเบียง


จากบนนี้จะมองเห็นบลูฮอลล์ได้โดยรอบ


เวลา 11:00 น.เสร็จสิ้นการทัวร์ชมด้านในศาลาว่าการนี้ ใช้เวลาประมาณ 1 ชม.



City Hall Model ด้านหน้า


ด้านหลัง

City Hall at Night รูปภาพจากเวป https://international.stockholm.se/the-city-hall/

เดินลงบันไดไปชั้นล่างจะพบกับร้านขายของที่ระลึก

ซื้อของเสร็จก็เดินออกมาด้านนอกได้เลยค่ะ

เก็บภาพด้านนอกอีกครั้ง




เดินย้อนกลับทางเดิมที่เข้ามาค่ะ



เก็บภาพศาลาว่าการอีกครั้งเป็นรูปสุดท้าย


มีท่าเรือ อยู่ด้านหน้าตรงทางออก




เวลา 12:00 น.เดินทางไปทานอาหารเที่ยงในย่าน Gamla stan

ทานอาหารเสร็จก็ออกมาเดินชมอาคารสีสวยๆ


ด้านข้างเป็นทะเล แต่กำลังมีการก่อสร้างปิดไว้ตลอดแนว


ออกเดินทางไป Vasa Museum ตั้งอยู่บนเกาะ Djurgården

ภาพพิพิธภัณฑ์ที่มองจากอีกฝั่งก่อนข้ามสะพาน (ภาพจาก wikipedia)
ลักษณะเป็นการนำเรือโบราณมาจอดไว้แล้วสร้างอาคารครอบลงไปอีกที
มีเสากระโดงเรือโผล่พ้นยื่นจากหลังคาอาคารขึ้นมา 3 เสา

                        เวลา 13:00 น. เดินทางมาถึงพิพิธภัณฑ์วาซ่า Vasa Museum (Vasamuseet)


ตรงนี้คือทางเข้าด้านหน้า

ด้านในมีแผ่นพับหลายภาษา แต่ไม่มีภาษาไทยค่ะ

ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ SEK 130 , นักเรียน (ต้องมีบัตรประจำตัว) SEK 110 ,เด็ก (0 - 18 ปี) ฟรี
เข้าไปชมภาพยนตร์เกี่ยวกับพิพิธภัณฑ์ Vasa ที่ห้องหมายเลข 1 ก่อนค่ะ
 จะได้เข้าใจถึงประวัติความเป็นมา ความยาวประมาณ 20 นาที มีเสียงบรรยายภาษาอังกฤษ

ชมภาพยนตร์เสร็จก็ออกมาชมเรือของจริงกันเลยค่ะ พิพิธภัณฑ์มี 6 ชั้น ตอนนี้พวกเราอยู่ที่ชั้น 4

เรือมีขนาดใหญ่มากตั้งอยู่ตรงกลางพิพิธภัณฑ์เลยค่ะ ไม่สามารถถ่ายรูปทั้งลำได้ ต้องถ่ายทีละส่วน


ส่วนนี้คือหัวเรือ แกะสลักเป็นรูปสิงห์ มีความยาว 4 เมตร และน้ำหนักถึง 450 กิโลกรัม
ถือเป็นสัญลักษณ์แทนกษัตริย์กุสตาฟที่ 2 ของสวีเดน

ด้านข้างเรือ


ช่องที่ใช้วางปืนใหญ่ทั้งหมด 64 กระบอก ปัจจุบันปืนใหญ่ของจริงเหลือแค่ 3 กระบอก

Model of Vasa  1:10 scale (รูปจำลองเรือเหมือนของจริงก่อนจม)

เรือรบในศตวรรษที่ 17 ไม่ได้นำมาใช้ในสงครามเท่านั้น แต่ยังเป็นพระราชวังกลางน้ำอีกด้วย 
รูปสลักที่กู้มาได้มีร่องรอยของการเคลือบทองและทาสี

 การวิเคราะห์แบบทันสมัยแสดงให้เห็นว่าเรือรบลำนี้ถูกทาสีแบบมีลวดลายมากโดยใช้พื้นหลังเป็นสีแดง รูปสลักเป็นรูปสิงโต วีรบุรุษตามพระคัมภีร์ไบเบิ้ล จักรพรรดิโรมัน สิ่งมีชีวิตในท้องทะเล เทพเจ้ากรีก
 จุดประสงค์ก็เพื่อยกย่องกษัตริย์แห่งประเทศสวีเดน


กษัตริย์ Gustav II Adolf ทรงสร้างเรือ Vasa เพื่อจะให้เป็นเรือรบหลวงที่ยิ่งใหญ่ ทรงอานุภาพ
 และสวยงามที่สุดในเวลานั้น


 ตัวเรือทำจากไม้โอ๊ค 1,000 กว่าต้น ใช้คนงานในการก่อสร้างประมาณ 400 คน นายช่าง 2 คน

เรือสูง 69 เมตร ยาว 61 เมตร กว้าง 11.7 เมตร หนัก 1,210 ตัน ใช้กระแสลมในการแล่น 
กางใบเรือเต็มที่ทั้งหมด 10 ใบ 


 ส่วนท้ายเรือ

มีการตกแต่งประดับประดาด้วยรูปแกะสลักนับร้อยชิ้น ทำให้เรือVasa มีศิลปะที่โดดเด่น


เรือรบหลวงวาซา มีทั้งหมด 5 ชั้น
ชั้น 1 ล่างสุดไว้ใส่ก้อนหิน เพื่อทำให้เรือหนัก
ชั้น 2 ไว้เก็บอาหาร น้ำจืด เหล้า ไวน์ เบียร์
ชั้น 3 เป็นที่อยู่ของลูกเรือ มีทั้งหมด 145 คน
ชั้น 4 และ ชั้น 5 เป็นที่อยู่ของทหารเรือและที่วางปืนใหญ่ 64 กระบอก


รูปจำลองส่วนท้ายเรือ


งานแกะสลักขนาดใหญ่ตราแผ่นดินที่ใช้ประดับด้านท้ายเรือมีสีสันสดใส


เดินลงไปที่ชั้น 2 กันค่ะ

เมื่อมองเรือจากด้านล่างขึ้นไป จะเห็นถึงความยิ่งใหญ่มาก



มีภาพวาดบรรยายประวัติความเป็นมาของเรืออยู่ที่ชั้นนี้ด้วยค่ะ

มองขึ้นไปก็เห็นเรือจำลอง

เดินขึ้นมาที่ชั้น 5-6 จะเห็นเรือในมุมสูง มีทางเดินชมรอบๆเรือ มีมุมถ่ายรูปหลายมุมเลยค่ะ


แบบจำลองเรือตอนที่กำลังจะจม


ปืนใหญ่ของจริงที่เหลืออยู่ 3 กระบอก

รูปภาพแสดงรายละเอียดแต่ละชั้นภายในเรือ

Salvaging Vasa : ชุดนักดำน้ำที่ลงไปสำรวจกู้เรือ

ห้องแสดงเรื่องราวการก่อสร้างเรือ จนถึงวันที่เรือจม


เดินชมในห้องนี้ให้ความรู้สึกเหมือนเราได้เข้าไปอยู่ในเหตุการณ์ด้วยจริงๆ




เดินชมพิพิธภัณฑ์ ประมาณ 1 ชม.ก็เริ่มเมื่อยแล้วค่ะ

ออกมาเดินเล่นด้านนอกกัน


ทางไปโบสถ์ต้องเดินผ่านสุสาน


The Nordic Museum ตั้งอยู่ด้านหน้า Vasa Museum


อากาศกำลังเย็นสบาย ไปเดินเล่นต่อดีกว่าค่ะ

บริเวณนี้คือด้านหลังพิพิธภัณฑ์ เดินอ้อมไปด้านหน้าตามลูกศรเลยค่ะ




ด้านหน้าเป็นสวนเล็กๆ ใบไม้เริ่มเป็นสีเหลืองแล้วค่ะ


The Nordic Museum (Nordiska museet)
 Sweden’s largest museum of cultural history (พิพิธภัณฑ์ทางวัฒนธรรม)


Dedicated to the cultural history and ethnography of Sweden from the early modern period 
 to the contemporary period. 


Statue of King Charles X Gustaf

ค่าเข้าชม Adults: 120 SEK
Children/Youth 18 years and under: Free
Tuesday 13.00–17.00 (sep–may): Free


เดินเล่นสักพักก็ออกเดินทางต่อค่ะ

เวลา 15:00 น.เดินทางกลับมายังจุดชมวิวในย่านใกล้ๆ Gamla stan 
อาคารสีเหลืองทางซ้ายมือคือ Swedish National Courts (ศาลเมืองสต็อคโฮล์ม)
 อยู่ติดกับโบสถ์ เดินข้ามสะพานไปฝั่งตรงข้ามค่ะ

เกาะเล็กๆนี้ชื่อ Riddarholmen (The Knights' Islet) แยกออกมาจากย่านเมืองเก่าเล็กน้อย
บนเกาะนี้มีอาคารสิ่งก่อสร้างที่สวยงามหลายแห่ง

The Riddarholm Church ( Riddarholmskyrkan) โบสถ์เก่าแก่เป็นที่ฝังร่างของกษัตริย์สวีเดนสมัยก่อน
The burial church of the Swedish monarchs. 
It is one of the oldest buildings in Stockholm, parts of it dating to the late-13th century.

 Swedish monarchs from Gustavus Adolphus (d. 1632 AD) to Gustaf V (d. 1950) are entombed here.

ด้านหน้าโบสถ์คือจตุรัส Birger Earl's square 

 Birger Earl's statue ตั้งอยู่ด้านหน้าศาลอุทธรณ์ (The Svea Court of Appeal : Svea hovrätt )


อาคารสีชมพูข้างศาลคือ The Stenbock Palaces


อาคารสีเหลืองคือ The Hessenstein Palace. 


เดินตามถนนไปทางตะวันตกของเกาะจนสุดจะพบกับวิวที่สวยงามแบบนี้เลยค่ะ


The western end of the island gives a magnificent panoramic 
and photogenic view of the bay Riddarfjärden,


เราจะเห็นรูป City Hall จากมุมนี้ในโปสการ์ดจำนวนมาก


The Riddarfjärden is the easternmost bay of Lake Mälaren.


มุมนิยมต้องเก็บภาพเยอะๆค่ะ


มองเห็นมงกุฏ 3 อัน บนยอดหอคอยชัดเจน


คลื่นและลมในทะเลสาบแรงมาก 


ด้านหลังเป็นทางเดินเลียบทะเลสาบ

Statue of Evert Taube

เดินย้อนกลับไปทางท่าเรือ


Wrangel Palace ( a townhouse mansion )





ทะเลสาบนี้จะไหลลงสู่ทะเลบอลติค


ท่าเรือ Riddarholmen brygga




เดินย้อนกลับทางเดิม


ข้ามสะพานเดิม



จากสะพานมองไปทางซ้ายมือจะเห็นอาคารสวยงาม คือ The House of Nobility (Riddarhuset)


ลงมารอรถบัสเพื่อจะไปเดินเล่นที่ Gamla Stan

เวลา 15:30 น.มาถึงย่านเมืองเก่าแล้วค่ะ ลงรถข้างกำแพงพระราชวัง 

เดินอ้อมกำแพงมานิดเดียวก็ถึงทางเข้าแล้วค่ะ


เดินตรงไปจะเห็นด้านหลังของโบสถ์นิโคลัส
Storkyrkan (The Great Church), officially named Sankt Nikolai kyrka (Church of St. Nicholas)

เป็นโบสถ์อิฐแบบสวีดิชที่เก่าแก่ที่สุดในเขตเมืองเก่า เรียกง่ายๆว่า Stockholm Cathedral

เดินเลี้ยวไปทางซ้ายของโบสถ์ ผ่านอาคารเก่าแก่สีสวยๆทั้งสองข้างทาง


บริเวณนี้เรียกว่าจตุรัส Stortorget มีร้านค้า ร้านอาหารมากมาย
The oldest square in Stockholm.

The Nobel Museum (Nobelmuseet) อยู่ทางทิศเหนือของจตุรัส


ด้านในจัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับรางวัลโนเบล


ทางทิศใต้ของจตุรัสมีโบสถ์อีกอันคือ The German Church (Sankta Gertruds kyrka)  
บางครั้งก็เรียกว่า St. Gertrude's Church เราสามารถมองเห็นยอดโบสถ์อยู่ไม่ไกล

ซื้อของเสร็จก็เดินย้อนขึ้นไปทางเหนือเพื่อไปชมพระราชวัง

ทางเข้าพระราชวังอยู่ติดกับโบสถ์ St. Nicholas



Stockholm Palace or the Royal Palace (Kungliga slottet)


ตรงทางเข้ามีรูปปั้นสิงโตตัวใหญ่ 3 ตัวนอนขวางอยู่


สิงโตยิ้มน่ารัก มะปรางขอขึ้นไปนั่งบนหลังนิดนึงค่ะ

Stockholm Palace is one of the largest palaces in Europe.


The Royal Palace is the official residence of His Majesty the King of Sweden, with over 600 rooms.


ทหารประจำพระราชวัง




พวกเราไม่ได้เข้าไปชมด้านในค่ะ เดินถ่ายรูปแค่ด้านนอกพระราชวัง

ที่นี่มีห้องน้ำให้เข้าฟรีด้วยค่ะ ใกล้จะปิดแล้ว

ถ่ายรูปด้านในเมืองเก่าเสร็จแล้วก็ออกมาด้านนอกค่ะ ที่ถนนทางเข้าปกติจะมีเสาโอเบลิสก์ขนาดใหญ่ 
1 เสา แต่ตอนนี้เค้ายกเสาไปซ่อมแซมอยู่ค่ะ เลยมีเสาจำลองอันเล็กๆมาวางแทน
Obelisk at Castle Hill ( Obelisk at Slottsbacken )

วันนี้เดินเล่นมาทั้งวัน ขอนั่งพักทานขนมก่อนค่ะ 

มองลงไปจากเนินวิวสวย อากาศเย็นสบาย



Nationalmuseum พิพิธภัณฑ์แห่งชาติ


เดินเลี้ยวไปทางขวา มีโรงแรมสวยๆหลายโรง


ฝั่งตรงข้ามคือ เกาะ Skeppsholmen
โดมสีเขียวข้างหน้าคือ Skeppsholmen Church (Skeppsholmskyrkan)
ตั้งแต่ปี 2009 ได้เปลี่ยนเป็นที่จัดคอนเสิร์ต เรียกว่า Eric Ericsonhallen


อาคารสีเหลืองคือพิพิธภัณฑ์ The Museum of Far Eastern Antiquities (Östasiatiska Museet)
สะพานที่ข้ามเกาะข้างหน้ามีชื่อว่าThe Skeppsholm Bridge ( Skeppsholmsbron)
 เป็นมุมถ่ายรูปยอดนิยมเลยค่ะ

พยายามซูมกล้องเข้าไปจะเห็นว่าตรงกลางสะพานจะมีมงกุฏสีทองอยู่ทั้งสองฝั่ง
Gilded Crown on Skeppsholmsbron

ถ้าไปถ่ายรูปที่สะพานย้อนกลับมาจะเห็น Gamla Stan เป็นพื้นหลังแบบในโปสการ์ดใบนี้ค่ะ

แม้ว่าพวกเราไม่ได้ไปที่สะพานนั้นก็ขอเก็บภาพไว้ก่อนแล้วกัน



เรือโดยสารขนาดใหญ่ Teaterskeppet



เรือนำเที่ยว City Tour  HOP ON-HOP OFF 


เดินกลับมาถึงลานกว้างหน้าทางเข้าพระราชวัง


The bronze statue of Gustav III

รอบๆอนุสาวรีย์นี้มีคนมานั่งเล่น ชมวิว และถ่ายรูป จำนวนมากเลยค่ะ


ข้างหน้าคือ Royal Palace


อาคารหลังคาสีเขียวตรงกลางคือ Grand Hotel เป็นโรงแรมเก่าแก่ของเมือง 


สวนด้านหลังพระราชวัง

Golden Crown


เวลา 18:00 น.เดินมาทานอาหารเย็นกันค่ะ

ร้านนี้อยู่ใน Gamla stan เป็นร้านเล็กๆ พวกเราลงไปทานที่ชั้นใต้ดินอบอุ่นดีค่ะ

เหมือนเข้ามานั่งทานในถ้ำ มื้อนี้เป็น Local food เริ่มด้วยสลัดผักขมไปนิด


Main Course อร่อยมากค่ะ เป็นปลาแซลมอนย่างหนังกรอบมากๆ ปิดท้ายด้วยไอศกรีม

เวลา 19:00 น.ทานอาหารเสร็จก็กลับที่พักเลยค่ะ 
วันนี้เที่ยวกัน 10 ชม.เต็มๆ เหนื่อยมากรีบอาบน้ำพักผ่อน