TUKEMD

__TUKEMD__ชื่อบ้าน อ่านว่า ตุ๊ก-เอ็ม-ดี นะจ๊ะ เป็นชื่อในเน็ตของแม่ตุ๊กเองค่ะ

บ้านหลังน้อย หลังนี้เป็นของแม่ตุ๊ก,น้องมะปราง และ คุณป๋า

เป็นบล็อกเพื่อบันทึกความสุข ความทรงจำ ในการท่องเที่ยวที่ต่างๆของครอบครัวเราค่ะ



2564/01/29

อ่างเก็บน้ำยางชุม-ทุ่งหญ้า 1500 ไร่ กุยบุรี

วันศุกร์ที่ 1 มกราคม 2564

เวลา 06:00 น.ตื่นเช้าชมวิวจากระเบียงห้องพัก พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้นค่ะ

ลงไปเดินเล่นริมทะเลกัน

ตอนเช้าน้ำทะเลขึ้นจนเกือบถึงที่กั้นเลย


อากาศเช้านี้ค่อนข้างเย็น อุณหภูมิประมาณ 20 องศา


ภูเขาล้อมหมวก สัญลักษณ์ของกองบิน





ท้องฟ้าสีสวย เริ่มมีแสงอาทิตย์ที่ขอบฟ้า



นั่งเล่นรอชมพระอาทิตย์แรกของปี




อาคารฟ้าชมคลื่น 2 ที่พักของพวกเราเมื่อคืนนี้



นั่งรอพระอาทิตย์จนมะปรางบ่นหนาวแล้วค่ะ เพราะลมแรงอากาศเย็น

เดินกลับไปที่ห้องพักกันค่ะ



เวลา 06:40 น.พระอาทิตย์ขึ้นจากขอบฟ้าแล้วค่ะ

ชมวิวจากระเบียงห้องพัก



พระอาทิตย์แรกของปี พ.ศ.2564

เวลา 8:30 น. ทานอาหารเช้าเสร็จก็ออกไปไหว้พระที่วัดประจำจังหวัดค่ะ

วัดเกาะหลัก พระอารามหลวง อยู่ใกล้ๆทางเข้ากองบิน 5

หลวงพ่อเปี่ยม จันทโชโต

ไหว้พระและทำบุญวันปีใหม่

นัดเจอคุณตาของมะปรางและออกเดินทางไปเที่ยวกันค่ะ

เวลา 9:00 น.เดินทางมาถึงอำเภอกุยบุรี (บ้านบน)

เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนหมายเลข 1002 จุดหมายคืออ่างเก็บน้ำยางชุม ระยะทางประมาณ 15 กม.

นาข้าวสีเหลือง



เส้นทางสองเลนไม่มีรถพลุกพล่านเลยค่ะ

อุโมงค์ต้นไม้ร่มรื่น

มาถึงจุดหมายแล้วค่ะ

โครงการอ่างเก็บน้ำยางชุม
ตั้งอยู่หมู่ที่ 6 บ้านยางชุมเหนือ  ต.หาดขาม อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์

รูปหมู่ครอบครัว

มะปรางกับคุณตา


 เป็นเขื่อนดินปิดกั้นแม่น้ำกุยบุรีบริเวณซอกเขาหาดเขือ 
 เริ่มก่อสร้างเมื่อปี พ.ศ.2516 แล้วเสร็จเมื่อปี พ.ศ. 2523 


 ระบบคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งขวาและฝั่งซ้ายยาวรวมประมาณ 24.00 กิโลเมตร  



  เขื่อนดินขนาดสูง  23.00  เมตร  ยาว 1,500 เมตร   สันเขื่อนกว้าง 8.00 เมตร  


ความจุ 32.00 ล้านลูกบาศก์เมตร มีพื้นที่รับน้ำฝนประมาณ 369.50 ตารางกิโลเมตร
 ปริมาณน้ำท่าไหลลงอ่างฯ เฉลี่ย 51.00 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี  พื้นที่ชลประทาน 15,300 ไร่ 


โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการเก็บกักน้ำของอ่างเก็บน้ำยางชุม อันเนื่องมาจากพระราชดำริ
 ได้เริ่มดำเนินการเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2546  โดยใช้ระยะเวลาก่อสร้าง 2 ปี 

เริ่มก่อสร้าง 1 ธันวาคม 2546 แล้วเสร็จ 30 กันยายน 2548

โดยมีวัตถุประสงค์เพิ่มปริมาณการเก็บกักน้ำของอ่างเก็บน้ำยางชุม เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ป่ากุยบุรี
 ตลอดจนส่งให้กับพื้นที่เพาะปลูกที่ประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำ



ประโยชน์ของโครงการนี้คือ
            1.สามารถเพิ่มความจุอ่างเก็บน้ำขึ้นจากเดิมที่มีความจุ 32.00 ล้านลูกบาศก์เมตร เพิ่มเป็น 41.10  ล้านลูกบาศก์เมตร  
            2. สามารถสร้างความชุ่มชื้นในป่าโดยรอบ ทำให้ช้างป่ามีแหล่งน้ำกิน
            3.สามารถเพิ่มพื้นที่การเกษตรได้จากเดิม 15,300 ไร่ เพิ่มเป็น 20,300  ไร่ รวมทั้งสามารถช่วยบรรเทาอุทกภัยที่เกิดขึ้นกับลุ่มน้ำกุยบุรีได้

ตอนนี้หน้าแล้งแต่ปริมาณน้ำในอ่างก็ยังเต็ม


อาคารระบายน้ำล้น (Spillway) 

อาคารคอนกรีตเสริมเหล็กรูปตัวยู (U) ชนิด Ogee Weir ความยาวสันฝาย 175.00 เมตร กว้าง 39.00 เมตร ระบายน้ำได้สูงสุด 650.00 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที


โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการเก็บกักน้ำของอ่างเก็บน้ำยางชุม อันเนื่องมาจากพระราชดำริ



แดดร้อนแต่ลมแรงดีค่ะ เหมาะที่จะมาตอนช่วงเย็น


ถ่ายรูปเสร็จก็เดินทางต่อค่ะ ขับขึ้นเหนือไปตามสันเขื่อน



สุดสันเขื่อนก็ขับไปตามถนนหมายเลข 3217 อีกประมาณ 6 กม.

มาถึงจุดหมายแล้วค่ะ "บ้านรวมไทย"

ชุมชนท่องเที่ยวบ้านรวมไทย

บ้านรวมไทยก่อตั้งเมื่อปี 2521 เมื่อก่อนเคยเป็นพื้นที่สีแดง ทางรัฐจึงมีแนวคิดเปลี่ยนให้เป็นพื้นที่กันชน โดยให้ชาวบ้านที่ไม่มีที่ทำกินและกล้าเข้ามาอยู่อาศัย โดยรัฐจะมอบที่ทำกินให้ครอบครัวละ 23 ไร่
รัฐส่งเสริมเกษตรกรรมโดยเฉพาะการปลูกสับปะรดเพราะทนแล้งได้ดี 
ชาวบ้านไม่มีสิทธิขายที่ดินเพราะกรรมสิทธิ์เป็นของกรมป่าไม้
บ้านรวมไทยมีประชากรประมาณ 2,000 คน เป็นหมู่บ้านที่ใหญ่ที่สุดใน ต.หาดขาม อ.กุยบุรี 
ชาวบ้านส่วนใหญ่ทำอาชีพเกษตรกรรมและปศุสัตว์ 

ประวัติบ้านรวมไทย

ขับรถตรงไปตามถนนเส้นหลักของหมู่บ้าน มีป้ายบอกทางไปชมช้างป่า

เลี้ยวซ้ายไปวัดรวมไทย แต่พวกเราขับตรงไปค่ะ


ขับมาจนสุดถนนก็ถึงสี่แยก ขับตรงไปตามถนนดินด้านหน้าเลยค่ะ

อุทยานแห่งชาติกุยบุรีกำหนดให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมสัตว์ป่าได้ในเวลา 14.00-17.00 น.

ขับลอดอุโมงค์ต้นจามจุรี ถนนจะขรุขระหน่อยค่ะ

ถึงจุดหมายแล้วค่ะ

ทุ่งหญ้า 1500 ไร่

ถนนเล็กๆตัดผ่านกลางทุ่งหญ้า

ชาวบ้านบอกว่าที่นี่คือสวิตเซอร์แลนด์เมืองไทยค่ะ
ทุ่งหญ้า ภูเขา และวัว

ด้านหลังคือเทือกเขาตะนาวศรี เป็นเส้นแบ่งเขตแดนไทย-เมียนมา

จากจุดนี้ไทยอยู่ห่างจากเมียนมาประมาณ 20 กิโลเมตร 

เข้าไปถ่ายรูปกับวัวกันหน่อยค่ะ

 วัวก้มหน้ากินหญ้าโดยไม่สนใจมนุษย์สามคนนี้เลย

ในทุ่งนี้มีหญ้า 2 สายพันธุ์ คือ หญ้ารูซี่(หญ้าคองโก) : Ruzi Grass
 เป็นหญ้าพื้นเมืองของแอฟริกา ใบใหญ่มีขน โตเร็ว ทนแล้ง นิยมปลูกไว้เลี้ยงโค กระบือ

อีกสายพันธุ์คือ หญ้าแพงโกล่า : Pangola Grass
ใบเล็กเรียวยาวไม่มีขน นิยมนำไปทำหญ้าแห้ง มีสารอาหารสูง


ทุ่งหญ้าทางฝั่งขวาน่าจะโดนเก็บเกี่ยวไปเกือบหมดแล้ว

ฝั่งนี้หญ้ามีสีน้ำตาลเหมือนทุ่งหญ้าสะวันนา

ถ้ามียีราฟอยู่ในเฟรมด้วยจะสวยมากเลยค่ะ55


แดดจัดจ้านมากเลยค่ะ





สถานีพัฒนาอาหารสัตว์ กรมปศุสัตว์ เป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบปลูกหญ้ากว่า 1,500 ไร่ 
โดยให้ชาวบ้านเข้ามาเกี่ยวหญ้าไปให้อาหารสัตว์ได้
 และถ้าจังหวัดใดประสบภัยแล้งจนขาดแคลนหญ้าก็จะนำหญ้าจากในพื้นที่นี้ไปช่วยเหลือ

น้องวัวตัวนี้สนใจมนุษย์ด้วยค่ะ

ยืนจ้องตากันสักพักก็หลบตาแระ55



รูปสุดท้ายก่อนออกจากทุ่งหญ้า

เดินเล่นที่อุโมงค์จามจุรี



ถ่ายรูปเสร็จก็ออกเดินทางต่อค่ะ

ขับรถย้อนกลับทางเดิม ผ่านหมู่บ้านรวมไทย

ซุ้มประตูของหมู่บ้านรวมไทย ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพ