TUKEMD

__TUKEMD__ชื่อบ้าน อ่านว่า ตุ๊ก-เอ็ม-ดี นะจ๊ะ เป็นชื่อในเน็ตของแม่ตุ๊กเองค่ะ

บ้านหลังน้อย หลังนี้เป็นของแม่ตุ๊ก,น้องมะปราง และ คุณป๋า

เป็นบล็อกเพื่อบันทึกความสุข ความทรงจำ ในการท่องเที่ยวที่ต่างๆของครอบครัวเราค่ะ



2565/01/14

เขาจมป่า อุโมงค์โกงกาง ทะเลแหวก unseen กันตัง

 วันศุกร์ที่ 31 ธันวาคม 2564

เวลา 11:00 น. เดินทางมาถึง อ.กันตัง จ.ตรัง วันนี้เราจะไปเที่ยวที่อันซีนแห่งใหม่ของกันตังค่ะ ขับผ่านตัวเมืองกันตังแล้วเปิดกูเกิ้ลแมพตั้งพิกัดไปที่บ้านน้ำราบขับต่อไปตามเส้น 4162 ประมาณ 1 กม.แล้วเลี้ยวซ้ายตามป้ายเพื่อไปที่ชุมชนบ้านน้ำราบ

ขับเข้ามาตามถนนเล็กๆประมาณ 1.5 กม.ก็มาถึงชุมชนล่องแพบ้านน้ำราบ
ที่ตั้ง บ้านน้ำราบ หมู่ 4 ต.บางสัก อ.กันตัง จ.ตรัง

แม่ตุ๊กจองเรือหางยาวไว้ล่วงหน้าแล้วต้องเข้ามาแจ้งที่ร้านขายของชำป้ายี อยู่ตรงลานจอดรถ

แพ็คเกจล่องเรือไปเที่ยวทั้งสามแห่งราคา 2000 บาท
สองแห่ง 1500 บาท หนึ่งแห่ง 1000 บาท

แผนที่ล่องเรือ

รูปจากเฟสบุ๊ค ชุมชนบ้านน้ำราบ เขาจมป่า
พอเห็นรูปแล้วอยากมาเที่ยวเลยค่ะ รูปมุมสูงสวยมากๆ

ชุมชนบ้านนํ้าราบ มีชื่อเดิมว่า บ้านนํ้ารอบ เนื่องจากบริเวณที่อยู่อาศัยล้อมรอบไปด้วยนํ้า  

มีประชากรประมาณ 1,400 คน ส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม และประกอบอาชีพประมงพื้นบ้าน

มีธนาคารปูม้า เพื่อเพาะพันธุ์ปูม้าและปล่อยคืนสู่ทะเล

ชุมชนนี้มีทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์และหลากหลาย ชาวบ้านจึงได้จัดให้มีการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ แบบเช้าไปเย็นกลับ มีทั้งหมด 4 กิจกรรม คือล่องแพ ปีนเขา เล่นนํ้า ศึกษาดูงานชุมชน

ไกด์เดินนำไปที่ท่าเรือ


พวกเรามากันแค่ 3 คน ใช้เป็นเรือหัวโทงจะสะดวกที่สุด

ออกเดินทางได้เลยค่ะ ไม่ต้องรอคิวเพราะแม่ตุ๊กจองเรือและมัดจำไว้แล้ว

เรือเลี้ยวขวาเพื่อไปเขาจมป่าก่อนค่ะ ช่วงบ่ายๆพอน้ำลงค่อยไปทะเลแหวก

บนเรือมีคนขับเรือ 1 คน และคนนำทางขึ้นเขา 1 คน


ล่องเรือชมความอุดมสมบูรณ์ของป่าโกงกางสองฟากฝั่งคลองตะเปะ 


ที่นี่มีพื้นที่ป่าโกงกางประมาณ 3,200 ไร่


จุดเด่นของการท่องเที่ยวชุมชนบ้านน้ำราบ คือ ล่องแพ กินปู ดูเขา


25 ปีก่อนป่าชายเลนของบ้านน้ำราบเป็นแหล่งสัมปทานการเผาถ่านมีผลผลิตเป็นถ่านไม้โกงกางคุณภาพดี สร้างรายได้ให้ชาวบ้านนอกเหนือจากอาชีพหลักประมงพื้นบ้าน


เมื่อเวลาผ่านไป ป่าโกงกางเริ่มเสื่อมโทรมเพราะตัดไม้ไปจำนวนมาก สัตว์น้ำมีน้อยลงเพราะขาดป่าที่เป็นแหล่งอนุบาลตัวอ่อน ทำให้วิถีชีวิตของคนบ้านน้ำราบเปลี่ยนไป

ภายหลังมีการยกเลิกสัมปทานเผาถ่าน ชาวบ้านเลยช่วยกันดูแลป่าโกงกางทำให้ป่าชายเลนที่เคยเสื่อมโทรม กลับมาสมบูรณ์ได้อีกครั้ง สัตว์น้ำเพิ่มขึ้นด้วยการปล่อยปูและพันธุ์สัตว์น้ำต่างๆ


ผืนป่าโกงกางอันแสนอุดมสมบูรณ์


คนขับเรือพาลัดเลาะเข้าไปในคลองเล็กๆ

มีป่าโกงกางหนาแน่นทั้งสองฝั่งคลอง

เข้าไปชมอุโมงค์โกงกางค่ะ


ต้นโกงกางสูงใหญ่สองฝั่งคลองโค้งเข้าหากัน ทำให้กลายเป็นอุโมงค์ต้นไม้


ด้านในอุโมงค์มีแดดส่องรำไร ร่มรื่นมากๆค่ะ

ช่วงนี้น้ำลดเลยเห็นดินโคลนอยู่ทั้งสองฝั่งคลอง


คลองมีความกว้างประมาณ  3 เมตร

รากต้นไม้หนาแน่น


อุโมงค์โกงกางที่นี่ไม่ใหญ่เท่าที่ปัตตานีแต่ก็สวยงามและร่มรื่นมาก


ระยะทางความยาวของอุโมงค์โกงกางก็หลายร้อยเมตร นั่งจนเมื่อยเหมือนกันค่ะ

คลองช่วงนี้กว้างนิดค่ะ คนขับเลยกลับเรือเพื่อย้อนออกทางเดิม

ด้านข้างเป็นภูเขา

เรือย้อนกลับทางเดิม




ถึงทางออกแล้วค่ะ


ออกเดินทางกันต่อ



จุดหมายต่อไปคือภูเขาที่อยู่ข้างหน้าค่ะ

มีแพมาจอดอยู่ตรงทางขึ้นเขา

ชาวบ้านที่นี่เรียกกันว่า เขาจมป่า เพราะว่าถูกบดบังไปด้วยป่าโกงกาง ทำให้เหมือนเขาลูกนี้จมอยู่ในป่า 
ถ้าอยู่ในระยะไกลจะมองไม่เห็น แต่พอขับเรือเข้าไปใกล้ก็จะเห็นได้ชัด

ไปขึ้นเขาจมป่ากันค่ะ ทางเดินช่วงแรกเป็นสะพานไม้ไผ่ต้องเกาะราวแน่นๆ


ค่อยๆไต่ไปตามขอบเขา

ควรใส่รองเท้าที่กระชับและพื้นไม่ลื่น บางคนก็สวมถุงมือเพราะหินค่อนข้างคม

เดินขึ้นเขาตามไกด์ไปเรื่อยๆ จนถึงต้นไม้รูปร่างพิเศษ มีผ้าสีพันรอบต้น

ใส่แมสก์เดินขึ้นเขาทำให้เหนื่อยมากกว่าปกติค่ะ ต้องหยุดพักเป็นระยะ

ชาวบ้านบอกว่าระยะทางเดินขึ้นเขาประมาณ 400 เมตร(หนึ่งรอบสนามฟุตบอล) แต่เหนื่อยมาก

ปีนบันไดขึ้นไปอีกนิด

ใกล้ถึงยอดเขาแล้วค่ะ

ด่านสุดท้ายต้องมุดช่องเขาเล็กๆข้างหน้าค่ะ

ถึงยอดเขาแล้วค่ะ ใช้เวลาเดินขึ้นมาร่วมครึ่งชั่วโมง

มองจากตรงนี้ก็เห็นวิวป่าโกงกางด้านล่างแล้วค่ะ


ปีนขึ้นไปบนจุดชมวิว


หินค่อนข้างแหลมและคมต้องปีนอย่างระวัง


ข้างหน้าก็มีภูเขาลูกเล็กๆแต่น่าจะเตี้ยกว่าเขาลูกนี้

  ยอดเขาลูกนี้อยู่สูง 84 เมตร จากระดับน้ำทะเล 


ห้ามเดินออกนอกเชือกกั้น

ชมวิวของป่าโกงกางได้ 360 องศา


ตอนนี้เที่ยงกว่าพระอาทิตย์ตรงหัวพอดี ร้อนมากๆค่ะ



มองเห็นเกาะมุกและเกาะลิบง



เพลิดเพลินกับการชมวิวและเก็บภาพ

คลองคดเคี้ยวเหมือนงูเลื้อยผ่านป่าโกงกาง


ป่าโกงกางหนาแน่นและสมบูรณ์มาก

ถึงยอดเขาจะสูงแค่ 84 เมตร แต่ยืนแล้วมองลงไปก็เสียวเหมือนกันค่ะ


จากบนจุดชมวิวนี้จะมองไม่เห็นเกาะรูปหัวใจ ต้องถ่ายรูปมุมสูงจากด้านบนเท่านั้นค่ะ

เกาะหัวใจอยู่ใกล้ทางออกทะเล



นั่งชมวิว(ตากแดด)ด้านบนร่วมครึ่งชั่วโมงให้คุ้มกับการปีนเขาขึ้นมาค่ะ


ปีนลงมาหนึ่งชั้น ตรงนี้ก็มีจุดชมวิวด้านข้าง



เดินย้อนลงทางเดิม ตอนลงไม่เหนื่อยแต่ต้องระวังลื่นค่ะ

คนขับเรือมาจอดรอที่ท่าพาเดินทางต่อ


ขับย้อนกลับไปทางหมู่บ้าน

ผ่านหมู่บ้านขับต่อไปทางทิศใต้เพื่อออกทะเล

คนขับเรือบอกว่าข้างหน้าคือเกาะรูปหัวใจ

มองจากในเรือก็เห็นว่าเป็นเกาะเล็กๆอยู่ในคลอง


ขับเลยเกาะหัวใจมาไม่ไกลก็ถึงปากคลองทางออกทะเลแล้วค่ะ

จุดหมายคือสันทรายที่อยู่ข้างหน้าค่ะ บางครั้งชาวบ้านเรียกกันว่า สันหลังมังกร

คนขับเรือมาจอดที่หาดทรายให้พวกเราลงไปเดินเล่น


น้ำลดลงมากจนเห็นหาดทรายกว้างยาวสุดลูกตาเลยค่ะ



ทะเลแหวกเป็นสันทรายเชื่อมผืนดินสองฝั่งของปากคลอง


หาดทรายสะอาดละเอียดเดินแล้วนิ่มเท้าดีค่ะ


รอยเท้าบนผืนทราย

พอน้ำทะเลลดก็เกิดรอยคลื่นบนหาดทราย

ถ้ามาช่วงที่มาปลาดาวชุกชุม เค้าบอกว่าจะได้เห็นปลาดาวจำนวนมากเรียงรายอยู่ตลอดแนวทะเลแหวก

 บางครั้งจะเรียกว่าหาดปลาดาว

ตอนนี้มีรูปูลมเต็มหาดเลยค่ะ

เราเรียกว่าหาดปูลมก่อนแล้วกัน


ตอนบ่ายวันนี้มีเมฆมากแดดไม่ร้อน ลมเย็นสบาย

เดินเล่นได้ตลอดชายหาด




เดินเล่นและถ่ายรูปจนหนำใจก็เดินทางกลับค่ะ

Tombolo ( sandbank)

Bye-bye ทะเลแหวก

เดินทางกลับหมู่บ้านค่ะ



ก่อนกลับแวะไปชมธนาคารปูม้าสักนิด


ธนาคารปูม้าบ้านน้ำราบ

แหล่งอนุบาลตัวอ่อนสัตว์น้ำ

เดินทางกลับค่ะ