TUKEMD

__TUKEMD__ชื่อบ้าน อ่านว่า ตุ๊ก-เอ็ม-ดี นะจ๊ะ เป็นชื่อในเน็ตของแม่ตุ๊กเองค่ะ

บ้านหลังน้อย หลังนี้เป็นของแม่ตุ๊ก,น้องมะปราง และ คุณป๋า

เป็นบล็อกเพื่อบันทึกความสุข ความทรงจำ ในการท่องเที่ยวที่ต่างๆของครอบครัวเราค่ะ



2565/08/15

นครใต้ดินไคมัคลึ-พิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง เกอเรเม่ (Kaymakli-Goreme Open Air Museum)

 วันศุกร์ที่ 10 มิถุนายน 2565

เวลา 8:00 น.เดินทางกลับมาจากนั่งรถชมบอลลูน 

เมื่อเช้าใช้พลังไปเยอะ ตอนนี้หิวแล้วทานอาหารเช้ากันก่อนค่ะ

บุฟเฟ่ต์อาหารเช้าที่ห้องอาหารของโรงแรม

เวลา 9:30 น.เช็คเอ้าท์จากที่พักเพื่อออกเดินทางไปเที่ยวต่อค่ะ


เวลา 10:00 น.เดินทางมาถึงโรงงานทอพรมตุรกี ตั้งอยู่ในตัวเมือง Avanos

Gold Loom Carpet


ด้านในมีสาธิตวิธีการทอพรม ดูแล้วก็เหมือนการทอผ้าบ้านเราเลยค่ะ
ผู้หญิงตุรกีส่วนใหญ่จะต้องทอพรมเป็น รัฐบาลช่วยสนับสนุนการทอพรมและรับซื้อพรม 
โดยเฉลี่ยผู้หญิงจะทอพรมวันละ 4 ชั่วโมง ทุกบ้านจะต้องมีพรมอย่างน้อย 1 ผืน 
พ่อแม่จะมอบพรมเป็นของขวัญแต่งงานให้กับลูกสาวเพื่อเป็นมรดกตกทอดกัน

จำนวนปมของพรมมากจะมีคุณภาพดีเพราะแสดงถึงความแน่นและละเอียดของพรม
คุณภาพปานกลางโดยทั่วไปมี 30-50 ปมต่อ 1 ตารางเซนติเมตร 
คุณภาพดีที่ราคาสูงมากอาจมีถึง 500 ปมต่อ 1 ตารางเซนติเมตร

การทอพรมใช้วัสดุ 3 ชนิด ได้แก่ ขนสัตว์ คอตตอนและไหม ยิ่งผสมไหมมากราคาก็แพงขึ้น

นำพรมมาปูพื้นหรือติดผนังตกแต่งห้อง

พนักงานเสิร์ฟชาแอปเปิ้ลคนละแก้ว

พรมมีหลากหลายขนาด ลวดลายและสีสัน

ก่อนซื้อพรม ต้องลองนั่ง ลองสัมผัสให้ถูกใจ เพราะราคาแต่ละผืนค่อนข้างสูง


พรมบางผืนเมื่อมองคนละมุมจะมีสีอ่อนเข้มแตกต่างกันด้วย


ซื้อสินค้าแล้วมีใบรับรองให้ด้วยค่ะ

ราคาพรมขึ้นกับขนาด ลวดลาย จำนวนปมและวัสดุที่ใช้ทอ เริ่มที่หลักพันไปจนถึงหลักแสนบาท


ชมพรมเสร็จก็ออกมาเดินเล่นที่สวนด้านนอก กุหลาบตุรกีสวยดอกใหญ่และหอมมาก

Nevşehir Castle

เวลา 11:30 น.เดินทางมาถึงนครใต้ดินไคมัคลึ อยู่นอกเมืองลงมาทางใต้ประมาณ 20 กม. 

ด้านหน้าทางเข้าเป็นร้านขายของที่ระลึก มีนักท่องเที่ยวเยอะมาก

สะดุดตากับเจ้าหมาร่างใหญ่ ขนหนา หน้าตาเป็นมิตรมาก

คนที่นี่ใจดีกับหมามาก หมาก็ไม่กลัวคนสามารถนั่งเล่นรวมกันเลย

นอนเล่นบนโต๊ะสบาย

เสื้อผ้า ของที่ระลึก ของฝากมีหลากหลาย

มาถึงทางเข้านครใต้ดินไคมัคลึแล้วค่ะ ค่าเข้าชมคนละ 100 TL

Kaymakli underground city is built under the hill known as the Citadel of Kaymakli. 
In 1963, they were rediscovered and opened to the public as a tourist attraction in 1964.
 It became a UNESCO World Heritage Site in 1985.

แบบจำลองเมืองใต้ดิน มีทั้งหมด 10 ชั้น แต่เปิดให้เข้าชมเพียง 4 ชั้น

มองด้านข้างจะเห็นลักษณะเมืองที่เจาะลึกลงไปใต้ดินเป็นชั้นๆ

เข้าไปชมด้านในกันค่ะ

ทางเข้าเดินตามลูกศรสีแดง (ลูกศรสีน้ำเงินเป็นทางออก)
มีคำเตือนสำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัวเช่น โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง และหอบหืด

Kaymakli is one of the largest underground settlements in the region. 
It is accepted as the widest underground city of Cappadocia.

นักโบราณคดีสันนิษฐานว่าเมืองใต้ดินแห่งนี้น่าจะมีมาตั้งแต่สมัยของชาวฟรีเจียน
เมื่อประมาณ 800 ปีก่อนคริสตกาล พวกเราเดินไปตามลูกศรสีแดง

Kaymakli underground city may have first been built in the soft volcanic rock by the Phrygians,
 an Indo-European people, in the 8th–7th centuries BC.

 ชั้นแรกคือชั้นบนสุดของเมือง เป็นพื้นที่สำหรับเลี้ยงสัตว์เพราะสามารถทำความสะอาดได้ง่าย 
ที่พื้นมีหลุมไว้ใส่อาหาร หญ้า และน้ำ

A stable is located on the first floor. 
The small size of the stable could indicate that other stables exist in the sections not yet opened. 

To the left of the stable is a passage with a millstone door. The door leads into a church.
 To the right of the stables are rooms, possibly living spaces.

On the second floor is a church with a nave and two apses. In front of the apses is an altar, 
and on the sides are seating platforms. There are also some living areas on this floor.

ชั้นที่สองคือส่วนของโบสถ์ มีการสลักกำแพงเป็นเสาซุ้มโค้ง มีรูปไม้กางเขนที่กำแพง
มีร่องรอยของเขม่าควันเทียน และน้ำมันหยดจากเทียนซึ่งเคยใช้ในการทำพิธี


ผนังถ้ำเหล่านี้เป็นหินตะกอนจากเถ้าลาวาภูเขาไฟ มีความแข็งแต่เปราะจึงสามารถขุดเจาะได้


The most important areas of the underground city are on the third floor.

ชั้นนี้คือชั้นที่สามมีความสำคัญมากเพราะเป็นห้องสำหรับเก็บอาหาร บ่มไวน์ มีการเจาะเป็นช่องเล็กๆที่พื้น
เนื่องจากว่าใต้พื้นดินอากาศเย็นอุณหภูมิคงที่จึงสามารถเก็บและถนอมอาหารได้ยาวนาน

Storage places and wineries


หินก้อนใหญ่ที่ทำเป็นหลุมสำหรับหลอมทองแดงเพื่อทำเป็นอาวุธ
This stone was used for cold-forming copper.The stone was hewn from an andesite layer within the complex. In order for it to be used in metallurgy, fifty-seven holes were carved into the stone.


Natural refrigerator

มีอุโมงค์เชื่อมต่อกันทุกห้อง ซึ่งอุโมงค์จะแคบเล็กมากต้องก้มตัวเวลาเดินผ่าน

เดินลงไปจนถึงชั้นที่ 4 

บริเวณนี้เป็นห้องสำหรับทำไวน์

Saraphane Winery

วิธีการทำไวน์คือเค้าจะนำองุ่นใส่ลงไปในอ่างใหญ่แล้วให้คนลงไปย่ำ โดยมีช่องที่ก้นอ่างให้น้ำองุ่นไหลลงไปเก็บในถังเพื่อบ่มให้เป็นไวน์ แล้วนำมาใส่เหยือกหรือโถ เอามาวางเรียงไว้ที่ช่องเก็บใต้ดิน

The grape presses that allowed for the grape juice to drain into a stone tank below.
 Wine was an important in daily life, and used in religious rites.

ที่พื้นมีช่องเล็กๆ ให้คนนำขวดหรือเหยือกไวน์มาตั้งเก็บไว้

There are a lot of storage rooms and places to put earthenware jars in the wineries on the 4th floor indicates that the people living in this underground city were economically stable. 

The number of the storage rooms in such a small area that a great number of people resided here. 

Archeologists think that this could have been up to 3500 people.

นักโบราณคดีสันนิษฐานว่าเคยมีคนอาศัยอยู่ในเมืองใต้ดินนี้มากกว่า 3,500 คน

มีช่องที่พื้นมองลงไปเห็นห้องด้านล่าง

ชั้นนี้มีห้องเล็กๆมากมาย พวกเราเดินเข้าไปชมหลายห้อง


They used large round boulders as doors, in case the city came under attack.

 หินกลมแบนใหญ่ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1.50 เมตร หนา 50 ซม. หนัก 300 กิโลกรัม ตรงกลางมีรู 
เพื่อว่าเวลามีศัตรูเข้ามา เค้าจะเอาไม้เสียบเข้าไปที่หินแล้วกลิ้งไปปิดประตู
 เพื่อถ่วงเวลาให้ใช้อุโมงค์ลับที่เชื่อมต่อกับเมืองอื่นในการหลบหนีศัตรู



ช่องนี้เล็กมากๆ ต้องย่อตัวมุดเข้าไปทีละคน ให้คุณป๋านำไปก่อนค่ะ

ขนาดช่องสูงไม่ถึง 1 เมตร คนร่างใหญ่ไม่สามารถผ่านได้ค่ะ

มุดออกมาจนถึงห้องโถง

เพดานห้องค่อนข้างเตี้ย แทบจะชนหัวคุณป๋าเลย

รอบๆคือห้องนั่งเล่น ห้องนอน ห้องเก็บอาหาร

เดินมาถึงส่วนอุโมงค์ที่แคบและยาวที่สุด เป็นจุดที่ลึกที่สุดที่ให้นักท่องเที่ยวเข้ามาได้ 

There are nearly one hundred tunnels. It’s estimated to go as far down as 20 meters underground.

The idea behind the underground cities was to offer protection from foreign invaders.
In the 14th century AD when Turkey was under siege by the Byzantines, 
the citizens moved into the caves to hide from the Arabs. 

นครใต้ดินนี้สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นที่หลบภัยจากศัตรูในยามสงครามของชาวเมืองในอดีต จากชาวอาหรับทางตะวันออกและชาวโรมันทางตะวันตกที่ต้องการเข้ามายึดครองดินแดนนี้เพื่อหวังผลประโยชน์ทางการค้า  และยังเป็นที่หลบภัยของชาวคริสเตียนที่ถูกกองทัพมุสลิมรุกราน

Before the Byzantine era, Turkey was under the rule of the Romans where they primarily adopted the Catholic religion. Fearful of the Byzantines who led under Islamic law, Christians moved into the caves to hide from the Islamic invaders.

The ventilation shaft can be seen from the 4th floor. 
It is a vertical well and passes all floors down like on the elevator in an apartment. 

The depth of the ventilation shaft is about 80 meters in total.

ตรงนี้คือท่อระบายลมมีความลึก 80 เมตร ช่วยระบายอากาศภายในนครใต้ดิน มีแสงสว่างส่องถึง 
อากาศในนี้จึงถ่ายเทได้ดี หน้าร้อนอากาศเย็น หน้าหนาวอากาศอบอุ่น มีอุณหภูมิเฉลี่ย 17-18 ํC

The Kaymakli Underground City has low, narrow and sloping passages. 
It consists of 8 floors below ground, only 4 of them are open to the public today.


เมืองใต้ดินนี้มีชั้นล่างลึกที่สุด 85 เมตร สำรวจพบทั้งหมด 10 ชั้น
มีอุโมงค์ยาวเชื่อมต่อกันประมาณ 80 กิโลเมตร มีช่องทางลับที่เชื่อมต่อกับเมืองใต้ดินอื่นๆมากมาย

Intermittent squats

บางช่วงมีฝุ่นเยอะ ใช้แมสก์ช่วยได้ค่ะ


ห้องนี้เป็นห้องสาธารณะผู้คนจะเข้ามาทำกิจกรรม หรือกินอาหารร่วมกัน




ด้านหลังคือประตู ต้องมุดเพื่อไปห้องต่อไป

Oturma odasi (Living room)

สุสาน ที่เก็บศพ

 Mezarlik (Graves)



ยังมีทางไปต่อได้อีก

นครใต้ดินไคมัคลึมีขนาดใหญ่และกว้างที่สุดในดินแดนนี้


เดินชมต้องระวังหัวด้วยค่ะเพราะบางช่วงเพดานต่ำมาก



Havan taşi (Mortar)

ครกทำอาหาร

เดินชมจนทั่วใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง แล้วก็เดินออกตามบันไดขึ้นมาชั้นบน

มองลงไปจะเห็นความลึกของนครใต้ดิน

ด้านนอกมีร้านอาหาร


เวลา 13: 00 น.นั่งรถกลับมาที่เมือง Avanos เพื่อมาชมโรงงานเซรามิค

A showroom for a demonstration by a master ceramic artist.

A wine jug based on an ancient Hittite design.

เดินชมผลิตภัณฑ์เซรามิค

เวลา 14:00 น.ทานอาหารเที่ยงที่ Han restaurant

Lunch buffet

เวลา 15:00 น.เดินทางมาถึงพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม่

The Göreme Open Air Museum
It was recognized as a UNESCO World Heritage Site in 1985,
to conserve and properly display Cappadocia’s best cave churches. 

Entrance fee is 125 TL. This ticket is valid at Goreme national park and rock churches.

ค่าเข้าชมคนละ 125 TL

แผนที่แสดงสถานที่สำคัญในพิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง (ภาพจาก Wikimedia)
สถานที่กว้างใหญ่มาก และยังมีฝนตกปรอยๆ พวกเราคงเดินชมไม่ได้หมด

เข้าไปชมด้านในค่ะ

ตรงทางเข้าด้านซ้ายมือ จะมีภูเขาหินขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นที่พักของแม่ชี


The 6-7 storey rock mass to the left of the museum entrance is known as "the Nunnery"

ด้านในภูเขาเจาะเป็นถ้ำ มี 6-7 ชั้น

The dining hall, kitchen and some rooms on the first floor, the ruined chapel on the second level. 
The church on the third storey, which can be reached through a tunnel.

ด้านในมีห้องครัว ห้องอาหารและโบสถ์ แต่ละห้องเชื่อมต่อกันด้วยอุโมงค์
 มีหินกลมก้อนใหญ่ใช้ปิดอุโมงค์เพื่อป้องกันผู้บุกรุก(เหมือนที่นครใต้ดิน)

The different levels of the monastery are connected by tunnels, and "millstone doors", such as those found in the underground cities, and were used to close off these tunnels in times of danger.

The area covered by this Open Air Museum forms a coherent geographical entity and represents historical unity. There are eleven refectories within the Museum, with rock-cut churches.
 Most of the churches belong to the 10th, 11th and 12th centuries.

ภายในพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งแห่งนี้ ประกอบด้วยถ้ำที่ถูกเจาะขึ้นมาเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยจำนวนมาก
 รวมถึงเป็นโบสถ์สำหรับประกอบพิธีกรรมทางศาสนาหลายร้อยห้อง


St.Basil Church

This church is situated at the entrance to the Goreme Open Air Museum.

โบสถ์เซนต์เบซิลเป็นโบสถ์เล็กๆตั้งอยู่ใกล้ทางเข้า

St. Basil’s Chapel is a compact, single-nave church with limited paintings. These features place it within the “Yılanlı Group” of churches (St. Barbara, St. Catherina, Yılanlı, etc.),
 which date to the mid 11th century.

รูปภาพด้านในโบสถ์    goreme.org/churches

ถ้ำที่ถูกขุดเจาะจำนวนมากเรียงรายอยู่ตามภูเขา


บางถ้ำก็ตั้งอยู่ริมหน้าผา

ช่องที่ขุดเรียบเนียนสวยงาม

รูปทรงสวยเหมือนคอนโดสไตล์ถ้ำ



เดินเข้าไปด้านในจะพบกับภูเขาใหญ่ๆอยู่ทางซ้ายมือ

St. Catherine is a unique cave church in the Göreme Open Air Museum.

ด้านบนคือโบสถ์เซนต์แคทเธอรีน มีบันไดทางขึ้นอยู่ทางซ้ายมือ


 The Chapel of St. Catherine dates from the 11th century,built by a donor named Anna.
 It has a Greek-cross-shaped nave, with a dome over the center and barrel-vaulted cross arms. 
The narthex has nine floor tombs and two burial niches.

โบสถ์เซนต์แคทเธอรีน สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 11โดยผู้บริจาคชื่อแอนนา 
ในโบสถ์มีรูปกางเขนในสมัยกรีกโบราณ มีโดมอยู่เหนือจุดศูนย์กลาง 

Inside are frescoes depicting St.Catherine, the ubiquitous St George and the Deesis (a seated Christ flanked by the Virgin and John the Baptist). goreme.org/churches

St.Catherine is located between Dark and Sandal Churches. 

โบสถ์นี้ตั้งอยู่บนเนินสูงนี้มองเห็นวิวสวยงามด้านล่าง





เดินลงไปชมโบสถ์อื่นต่อค่ะ

The most frequently featured scenes in the Göreme churches.
ภาพเฟรสโกสำคัญที่ประดับอยู่ในถ้ำที่เจาะสร้างเป็นโบสถ์ในพิพิธภัณฑ์เกอเรเม่



เดินตามแนวเทือกเขาย้อนขึ้นไปทางเหนือของโบสถ์เซนต์แคทเธอรีน

The church is cut into the same rock as Karanlik Kilise. 

โบสถ์ตั้งอยู่สูงกว่าโบสถ์อื่นในพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งนี้ มีทางขึ้นอยู่ทางขวามือ

 Sandals Church (Çarıklı Kilise)
 The name comes from the two footprints at the bottom of the Ascension fresco at the church's entrance. According to a recent legend, Jesus left these sacred imprints when ascending to heaven. 

 The church is carved into a cross floor plan with intersecting vaults. 

ชื่อโบสถ์มีความหมายว่ารองเท้าแตะ เพราะสังเกตเห็นรอยประทับอยู่ที่พื้นของโบสถ์เหมือนรองเท้าแตะ
ที่เหล่านักบุญนิยมสวมกัน ทางเข้าโบสถ์ต้องปีนบันไดขึ้นไป ภายในมีภาพเฟรสโกที่สำคัญหลายภาพ

The church is on the upper level. A rock staircase on the left provided the original access to the 
(now-collapsed) upper portico.

Scholars call this church "Holy Cross"

The church's frescos, which date to the 11th century, contain the four Evangelists, the Nativity and the Crucifixion, the Baptism, the Adoration of the Magi, and other New Testament themes.

เชื่อว่าโบสถ์นี้เคยเป็นสถานที่เก็บรักษาชิ้นส่วนของสัตยกางเขน

เดินไปชมโบสถ์อื่นต่อค่ะ




เดินต่อมาทางตะวันตก 100 เมตร จะมีบันไดทางลงไปโบสถ์เล็กๆ

 Apple Church (Elmalı Kilise)
The name of the church is believed to refer to a reddish orb in the left hand of the Archangel Michael in the dome of the main apse, or possibly to an apple tree that grew in the vicinity.

ชื่อของโบสถ์เชื่อว่ามาจากเคยมีต้นแอปเปิลอยู่ด้านหน้าโบสถ์ 
ทางเข้าเล็กมาก คนหนาแน่น ด้านในมีภาพเฟรสโกบนเพดานที่เลือนรางเก่ามาก

The church's paintings depict scenes of the saints, bishops, and martyrs. and to the right of the altar, a Last Supper with the symbolic fish (the letters of the word fish in Greek, ΙΧΘΥΣ, stand for "Jesus Christ, Son of God, the Savior"). goreme.org/churches


พวกเราเดินชมมาประมาณ 1 ชม.ก็เริ่มเหนื่อยเลยเดินกลับกันค่ะ

ด้านในยังมีโบสถ์อีกหลายแห่ง ต้องใช้เวลานานกว่าจะเดินชมจนครบ

ทางออก

เวลา 16:00 น. เดินกลับไปที่ลานจอดรถ


ด้านนอกพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งยังมีโบสถ์ใหญ่ที่สำคัญอีกแห่ง
เดินออกมาจากประตู จะเห็นภูเขาลูกใหญ่อยู่ริมถนนทางขวามือ

The Church is 50 m. back down the hill and across the road from the main Open-Air Museum.

Buckle Church (Tokalı Kilise) 
It is the largest of the cave churches at Goreme. It was the principal sanctuary of a large monastic center in Byzantine Cappadocia. This cave church was carved into the soft volcanic stone of the region and decorated with frescoes in several stages between the mid-ninth and mid-tenth centuries, and is one of the richest ensembles of painting to survive from the early Middle Ages.

โบสถ์นี้ใหญ่ที่สุดในเกอเรเม่ ตั้งอยู่ด้านนอกพิพิธภัณฑ์ ตัวโบสถ์ดั้งเดิมสันนิษฐานว่าสร้างในสมัยเดียวกับที่พระเยซูยังมีชีวิตอยู่ บนเพดานมีภาพเขียนแสดงเรื่องราวในคัมภีร์มากมาย

Buckle Church has the best paintings narrating the life of Christ in most detail among the rock churches in Cappadocia. 

เดินมาถึงทางเข้าโบสถ์แต่วันนี้ปิดค่ะอดเข้าไปชมเลย

The church is decorated with the Infancy (childhood of Christ), Ministry and Passion cycles, 
with several episodes from the life of St. Basileios. ephesustoursguide

เลี้ยวซ้ายเดินลงบันไดไปด้านล่าง

ที่จอดรถด้านล่างมีร้านค้า ร้านกาแฟและห้องน้ำ


หุบเขาและแท่งหินสวยๆ


Fairy chimmey

จุดขายทัวร์ขี่อูฐ ขี่ม้าชมเมือง

ด้านในเป็นร้านขายของที่ระลึก ร้านกาแฟ

คนขายไอติมยิ้มแย้มเชิญชวนเข้าไปซื้อ แต่ มป บอกว่าอิ่มไม่อยากทานแล้ว

ขึ้นรถออกเดินทางต่อ


ผ่านชมภูมิประเทศที่สวยงามสองข้างทาง

ภูเขาและเสาหินรูปทรงหลากหลาย มีการขุดเจาะช่องเป็นถ้ำเพื่อสร้างที่อยู่อาศัย

ลานกางเต๊นท์


เวลา 16:30 น.เดินทางมาถึงเมือง Ortahisar

แวะชมบ้านถ้ำที่มีคนอาศัยอยู่จริงๆ

Cave House

หน้าบ้านมีเสาไม้ด้านบนเป็นรูปนกปักเรียงกันอยู่หลายต้น

ถ้ำนี้มีความสูงประมาณบ้าน 2.5 ชั้น


 เจ้าของบ้านรอต้อนรับอยู่ เดินผ่านห้องครัวเข้าไปด้านในห้องรับแขก

ห้องโถงใหญ่ เย็นและมีแสงสว่างจากช่องหน้าต่างใหญ่

เจ้าของบ้านชงชาแอปเปิ้ลมาให้ดื่มค่ะ

พื้นและผนังตกแต่งด้วยพรมที่ทอเองโดยภรรยาเจ้าของบ้าน

ด้านข้างเป็นที่นั่งรับแขก พอกลางคืนก็เป็นเตียงนอน

ด้านในมีไฟฟ้าด้วยนะคะ สายไฟเดินมาตามเพดาน มีอุปกรณ์ไฟฟ้าทุกชนิดรวมถึงอินเตอร์เน็ตด้วย

ช่องหน้าต่างมีทั้งเล็กและใหญ่ กลางวันสว่างมากจนไม่ต้องเปิดไฟเลย

ออกมานั่งเล่นที่ระเบียงหน้าบ้าน

กระถางดอกไม้วางเรียงรายสวยงาม


ห้องน้ำอยู่ด้านหลัง สร้างขึ้นแยกจากตัวบ้านถ้ำ

บ้านอยู่ในตำแหน่งสูง มองเห็นวิวไกลสุดตาเลยค่ะ

บริเวณนี้มีบ้านถ้ำหลายหลังอยู่รวมกลมกลืนกับบ้านที่สร้างขึ้นใหม่

ได้เวลาเดินทางกลับแล้วค่ะ จบทริปตุรเกีย 6 วันแบบเต็มอิ่ม

วิวงดงามระหว่างทางไปสนามบิน

เวลา 18:00 น.เดินทางมาถึงสนามบิน Nevşehir Kapadokya Airport

เวลา 21:00 น.ออกเดินทางไปอิสตันบูลโดย Turkish Airline เพื่อแวะเปลี่ยนเครื่องกลับเมืองไทย
ขากลับนี้เราบินยาวจากคัปปาโดเกียเพื่อประหยัดเวลาในการเดินทางค่ะ 
ถ้านั่งรถกลับมาอิสตันบูลจะต้องใช้เวลาเกือบทั้งวัน (ระยะทางประมาณ 760 กม.)

มีอาหารมื้อเช้าและมื้อเที่ยงเสิร์ฟบนเครื่องบิน
วันเสาร์ที่ 11 มิถุนายน 2566 เวลา 15:30 น. เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิโดยสวัสดิภาพ