3.จากวังน้ำเขียวไปถึงเขาใหญ่

วันศุกร์ที่ 18 มีนาคม 2554 (เวลาประมาณ 9:00น.)

พอสายหน่อย อากาศเริ่มอบอุ่นขึ้น พวกเราก็ check-out แล้วออกเดินทางต่อ

จุดหมายของเย็นนี้คือพักที่"คีรีมายา"เขาใหญ่

วันนี้คุณป๋าจะขับรถแวะเที่ยวไปตลอดทาง เพราะดูจากแผนที่แล้วมีที่เที่ยวอีกมาก สองข้างทางเต็มไปด้วยต้นกัลปพฤกษ์ออกดอกสีชมพูอ่อนๆมากมาย ไม่มีรถบนถนนอีกตามเคย เมืองก็ยังเงียบสงบ

แวะเที่ยว"ไร่องุ่นธันยพร"กันก่อน....เป็นสวนที่ใหญ่มาก

อากาศก็ยังเย็นเหมือนเดิม ลมแรง เราแม่-ลูก ต้องใส่เสื้อ 2 ชั้นเพื่อเพิ่มความอบอุ่น

ไร่นี้มีอาณาบริเวณกว้างใหญ่ถึง 500 ไร่ ที่ไร่เน้นการผลิตผลไม้ปลอดสารพิษ ทั้งส้มและองุ่น

มีจุดชมวิวอยู่บนเนินสูง เมื่อขึ้นไปยืนจะมองเห็นบริเวณไร่โดยรอบ

พวกเราก็เดินเล่น ไปรอบๆสวน ไม่มีแดดและไม่มีคนเลย...

ถ้าเป็นวันหยุดคนน่าจะเยอะมาก เพราะเห็นลานจอดรถกว้างเชียว

แม่เป็ดกะลูกๆ(ของปลอมค่ะ)

ที่ไร่ธันยพรยังเป็นแหล่งดูงานทางด้านเกษตรปลอดสารพิษอีกด้วย

เดินเล่นสักพักก็เมื่อยแล้ว ไปแวะซื้อของฝากกันก่อนค่ะ สินค้าทุกอย่างเขียนว่าเป็นผลิตภัณฑ์ออแกนิกส์

ออกเดินทางต่อเจอรีสอร์ทข้างทาง....น่ารักมากๆ..ให้คุณป๋าเลี้ยวรถเข้าไปทันทีค่ะ

เจ้าของบ้าน(ตัวเล็กๆ) วิ่งออกมาต้อนรับเลย

ชื่อรีสอร์ท "ภูน้ำอิงฟ้า" ค่ะอยู่ตรงข้ามกับอ่างเก็บน้ำเลย เสียดายว่ากำลังมีการทำถนนเลยดูเลอะๆไปหน่อย

เก๋ไก๋ตรงปูนปั้นสีขาวๆด้านหน้านี่หล่ะ ไม่รู้แปลว่าอะไร แต่ดูจากรูปคงจะโรแมนติกน่าดู

อีกฝั่งก็จะเห็นทัศนียภาพอันงดงามของอ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง

คุณป๋าเห็นวัดสวยแต่ไกล เลยพาแวะเข้าไปหน่อย มีรูปปั้นสัตว์เต็มไปหมด...เด็กชอบ

เข้าไปไหว้พระ-ทำบุญกันก่อนค่อยออกเดินทางต่อ

ขับวกไปวนมาตามทางที่ GPS บอก.. เวียนหัวหน่อย... ในที่สุดก็มาถึง "คีรีมายา"ประมาณ11 โมง
ก็เข้าไป check-in ได้ทันที แม่ตุ๊กจองไว้แล้วห้องว่างพอดี..สบาย เข้าไปเก็บของก่อนแล้วออกมาเที่ยวต่อ เลี้ยวขวาไปทางปากช่องค่ะ

ไปหาอาหารเที่ยงกินก่อนค่ะ เป็นร้านส้มตำ-ไก่ย่างอยู่เชิงเขาใหญ่ ติดกับวัดป่าเขาใหญ่

ร้านใหญ่ดูสะอาด-ราคาถูกและอร่อยอีกแล้ว

พอกินเสร็จ ก็ไปเดินเล่นย่อยอาหารที่ Primo Posto กันค่ะ

เคยอ่านประวัติของที่นี่ว่า เกิดจากเพื่อนกลุ่มรัฐศาสตร์ จุฬาฯ 3 ท่าน คือ คุณวินัย ธาดาสีห์,

คุณพิษณุ นิลกลัด และคุณวิชัย วราศิริกุล ซึ่งได้มาสร้างบ้านอยู่ที่เขาใหญ่ใกล้ ๆ กัน

เมื่อมาอยู่สักพักก็รู้สึกอยากให้คนมาเที่ยวที่เขาใหญ่เพิ่มมากขึ้น เพราะมีธรรมชาติที่สวยงามและอากาศดีติดอันดับโลก เลยสร้างที่นี่ขึ้นมา

concept ของร้าน คือ ต้องการให้เหมือนบ้านของชาวบ้านในชนบทของอิตาลี

โดยสีสันที่แตกต่างกันในแต่ละห้อง ก็หมายถึง บ้านของแต่ละคน

เมื่อสร้างเสร็จเรียบร้อย จึงตั้งชื่อว่า Primo Posto ซึ่งเป็นภาษาอิตาเลี่ยน แปลว่า First Place
หรือ ที่แรก(เป็นที่แรกของเพื่อน ๆ ที่ได้ทำธุรกิจร่วมกัน)


เปิดให้บริการครั้งแรกเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2550 โดยเปิดวันศุกร์ - อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์

เสียค่าคูปองเข้าร้าน 55 บาท ซึ่งคูปองดังกล่าวสามารถนำไปซื้อเครื่องดื่ม และไอศกรีมได้

ด้านในเป็นร้านกาแฟ,ร้านไวน์,ร้านไอศครีม และร้านอาหาร

ราคาของกาแฟจะอยู่ที่ 80 บาทขึ้นไป ส่วนร้านอาหารจะเป็นสไตล์แบบ Home made

หรือที่เรียกกันในอิตาลีว่าTrattoria จะอยู่ที่180-300 บาท แล้วแต่เมนู Service charge 10%

ด้านนอกตึกก็จะมีมุมต่างๆให้เราถ่ายรูปและนั่งเล่นจิบกาแฟ หรือทานไอศกรีม

มีให้เราเลือกนั่งได้แทบทุกจุดของร้าน

ต้นมะเขือยักษ์

ด้านหลังที่เป็นส่วนของไร่องุ่นเดินเล่นได้ตามสบาย

มีทุ่งดอกไม้

ตัวตึกงดงามคลาสสิกสุดๆ เดินถ่ายรูปได้ไม่เบื่อเลย

"หิน" พยากรณ์อากาศ

เดินชมสวยที่ตกแต่งสไตล์์ยุโรป ที่อยู่ด้านข้างของร้านก็ได้บรรยากาศดี

เดินเล่น-นั่งเล่น-กินเล่น เรียบร้อยก็ออกเดินทางต่อค่ะ

จาก Primo Posto จะไปกันต่อที่ Palio ค่ะพวกเราต้องขับตามทางที่ไปเขาใหญ่ไปเรื่อยๆ

จะถึงสามแยก เลี้ยวซ้ายขับไปไม่ไกลจะเห้นPalio จะอยู่ทางขวามือ สีสันสดใส

เห็นแล้วรู้ทันทีว่าเป็นเจ้าของเดียวกับ primo posto

ตั้งอยู่บนถนนธนะรัชต์ หลักกิโลเมตรที่ 17 ติดกับโรงแรมจุลดิศ เขาใหญ่ รีสอร์ท แอนด์ สปา

เปิดอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 ธันวาคม 2552

เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00 - 22.00 น เสียค่าเข้าคนละ 20 บ. สามารถนำคูปองนี้ไปเป็นส่วนลดที่ร้านด้านในบางร้านได้....แต่ดูแล้วไม่ค่อยเห็นที่จะใช้ได้เลยค่ะ

“Palio” เป็นชื่อของ เทศกาลแข่งม้าที่โด่งดังมากในเมือง “เซียน่า” ของประเทศอิตาลี
มีความหมายคือรางวัล ซึ่งใช้ผู้ก่อตั้งต้องการให้ที่นี่เป็นเหมือนรางวัลให้กับนักท่องเที่ยวที่มาเขาใหญ่ได้มาชื่นชมบรรยากาศแบบอิตาลีที่นี่

Palio Khaoyai New walking street shopping center อาณาจักรใหม่ของชีวิตคนเขาใหญ่

สร้างด้วยด้วยสถาปัตยกรรมแบบอิตาลี โดยได้ออกแบบและก่อสร้างเป็นกลุ่มอาคารถนนคนเดิน
ด้วยสถาปัตยกรรมแบบยุโรปโบราณ

มีร้านเล็กๆเป็นแนวลดหลั่นเรียงกัน ประมาณ 120 ร้านค้า

ขายสินค้าหลายประเภท เช่น ของแต่งบ้าน เสื้อผ้าแฟชั่น เครื่องประดับ งาน design ต่าง ๆ

มีมุมให้ชื่นชม และถ่ายรูปมากมายจริงๆ

แต่ละร้านจะได้รับการออกแบบให้มีสไตล์และเอกลักษณ์ของตัวเอง แต่กลมกลืนไม่แปลกแยกในภาพรวม

หลากหลายพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจ ได้แก่ สวนหย่อม น้ำพุ มุมนั่งเล่นต่างๆ

มีลานอเนกประสงค์ สำหรับจัดการแสดงหรือดนตรี มีการเปิดตัวสินค้าใหม่ ห้องแสดงสินค้าหรือนิทรรศการ

ตัวอาคารสูงสามารถเดินขึ้นไปชมวิวที่ด้านบนได้ บนนี้มีร้านกาแฟแบล็คแคนยอนชื่อ"palio in love"

ถ้ามองลงไปจะเห็นคนเดินเล่นกันขวักไขว่

เดินมานานก็เมื่อย หาที่นั่งพักได้ตามใจชอบเลยค่ะ

พอมีแรงก็เดินเล่นกันต่อ ร้านนี้มะปรางชอบมาก" jim thompson farm" มีผัก-ผลไม้หน้าตาแปลกๆมากมาย

ร้านดอกไม้คนก็นิยมมาถ่ายรูปกัน แต่ละคนแต่งตัวกันเหมือนอยู่ต่างประเทศเลยค่ะ

หอนาฬิกา เป็นที่ๆเกือบทุกคนจะต้องปีนขึ้นไปเก็บรูปไว้เป็นที่ระลึก....

จะสามโมงเย็นแล้ว....กลับกันดีกว่า

กลับเข้าที่พักของคืนนี้กันค่ะ ถนนที่จะไปร่มรื่นมากพวกเราตื่นเต้นกับฝูงผีเสื้อตัวเล็กๆที่บินกันเต็มถนน

คุณป๋าหยุดรถให้เก็บรูปผีเสื้อค่ะ แต่กล้องของแม่ตุ๊กมันถ่ายไม่เห็นเลย...

ไม่เป็นไรพวกเราเก็บภาพไว้ในความทรงจำแล้ว

ไปชมที่พักของคืนนี้กันดีกว่าค่ะ