TUKEMD

__TUKEMD__ชื่อบ้าน อ่านว่า ตุ๊ก-เอ็ม-ดี นะจ๊ะ เป็นชื่อในเน็ตของแม่ตุ๊กเองค่ะ

บ้านหลังน้อย หลังนี้เป็นของแม่ตุ๊ก,น้องมะปราง และ คุณป๋า

เป็นบล็อกเพื่อบันทึกความสุข ความทรงจำ ในการท่องเที่ยวที่ต่างๆของครอบครัวเราค่ะ



2559/10/01

1.บ้านดำ-เชียงแสน-สามเหลี่ยมทองคำ

วันศุกร์ที่ 29 กันยายน 2559

เวลา 4:30น.เดินทางออกจากบ้าน เพราะเที่ยวบินไปเชียงรายออกจากหาดใหญ่เช้ามาก 6:00 น.
ใช้เวลาบินประมาณ 2 ชม.
เวลา 8:00 น.เดินทางถึงสนามบินแม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย



ในสนามบินเต็มไปด้วยดอกไม้สีสวยสดชื่นมากค่ะ




เวลา 8:30 น.รับรถเช่า แล้วออกเที่ยวกันเลยค่ะ(วันนี้มีโปรแกรมยาว)

 จุดหมายแรกคือ พิพิธภัณฑ์บ้านดำ ใช้ถนนเส้นซุปเปอร์ไฮเวย์ตรงไปทางแม่สาย
 ระยะทางประมาณ 10 กม.ผ่านตลาดบ้านดู่แวะซื้ออาหารเช้าทานกันก่อน พอถึงบ้านนางแล 
มีป้ายบอกทางสังเกตทางซ้ายมือจะมีรูป อ.ถวัลย์ ขนาดใหญ่ ก็เลี้ยวซ้ายเข้าไปเลยค่ะ



จากปากซอยขับเข้ามาประมาณ 3 กม. มีป้ายรูปบ้านดำตลอด ไม่หลงทางแน่นอนค่ะ




เวลา 9:00 น.พวกเรามาถึงได้เวลาเปิดพิพิธภัณฑ์พอดีค่ะ 
คนยังไม่มาก สามารถจอดรถด้านหน้าทางเข้าได้เลยไม่ต้องเดินไกล




 เปิดทำการทุกวันตามเวลา เข้าชมฟรีค่ะ



บ้านศิลปินแห่งชาติ อ.ถวัลย์ ดัชนี




ขอบคุณข้อมูลจากเวป http://www.thawan-duchanee.com

ด้านหน้าคือวิหารเล็ก เป็นอาคารชั้นเดียวยกสูงจากพื้น 1 เมตร หลังคาทรงสามเหลี่ยมลดระดับสี่ชั้น



ด้านในมีพระพุทธรูปสีขาว




ด้านหลังคือ มหาวิหาร (อาคารพิพิธภัณฑ์ศิลปะ)




อาคารนี้มีขนาดใหญ่มากๆ เป็นโครงสร้างไม้ทั้งหมด ขนาดประตูก็สูงมากเลยค่ะ




เดินเข้าไปจะพบกับรูปปั้นครึ่งตัวรูป อ.ถวัลย์ อยู่ตรงกลางอาคารเลยค่ะ



ด้านในมีของสะสมที่เป็นสีดำหมดทุกอย่าง



ของแต่ละชิ้นดูแปลกตาไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนเลยค่ะ






มหาวิหารทางด้านหลังก็ยังสวยงามอลังการ




มหาวิหารด้านข้าง




เข้าไปเดินเล่นด้านหลังกันค่ะ 
เป็นกลุ่มบ้าน ศิลปะแบบล้านนา จำนวน 36 หลัง ทุกหลังทาด้วยสีดำ(เป็นสีที่ อ.ถวัลย์ โปรดปราน) 
บ้านแต่ละหลังมีชื่อต่างกัน ห้องแต้ม ศาลาตะวันออก บ้านไซบะหลอด




วิหารราม




เรือนหลังข้าว บ้านยุ้งข้าว




มะปรางยืนจ้องตากับนกฮูกสักพักถึงรู้ว่าเป็นของจริง



พวกเรามาแต่เช้าเลยไม่ค่อยมีคนค่ะ เดินเล่น นั่งเล่น ถ่ายรูปแบบสบายใจ




บ้านสามเหลี่ยม(เป็นที่พักรับรองนักเขียน และห้องทำงาน)




ผามผุกผายดาว (บ้านพักช่างฟ้อน ห้องแต่งตัว)





บ้านดำกาแลเกี่ยวฟ้า บ้านเรือนไม้สามหลังแฝด




บ้านวงแหวนหว่านล้อมดาวพระเสาร์




ศาลาพระสี่อิริยาบถ



สวนหิน



นอแรดในรุ้งดาว(อูบเตารีดจัดแสดงเฟอร์นิเจอร์จากทุกมุมโลก)



อาคารนี้รูปทรงแปลกตามาก ชื่อ อูบหัวนกกก นกเงือกหัวแรด



อูบก๊อกตด หยาดน้ำตาบนแก้มกาลเวลา



มะปรางบอกว่ารูปปั้นนี้นิ่มจัง



บ้านลาว




เดินจนครบรอบใช้เวลาประมาณ 1.5 ชม.มีความสุขมากๆค่ะ วันนี้พวกเรามาแต่เช้า บ้านแต่ละหลังยังปิดเข้าไปชมด้านในไม่ได้ค่ะ แต่ได้ชมบ้านด้านนอกและสวนก็สวยงามมากแล้วค่ะ



ออกเดินทางต่อไปตามถนนทางหลวงหลักหมายเลข 1 สองข้างมีร้านขายสับปะรดภูแลมากมายค่ะ
ราคาถูกมากๆ ลูกละ 10 บาท



เดินทางถึง อ.แม่จัน ผ่านด่านตรวจ ก็ชิดซ้ายแวะไหว้พระที่ ศาลเจ้าพ่อกิ่วทับยั้ง



ตามตำนานที่นี่เป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชตอนขับไล่พม่าที่เชียงตุง




แต่ตามเรื่องเล่า..เจ้าพ่อกิ่วทัพยั้ง ชื่อเดิมคือ พ่อปู่ทองคำ 
เป็นทหารเสนารักษ์สยามในสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้ต่อสู้กับข้าศึกจนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตลง
ที่สวนป่ากิ่วทัพยั้ง ชาวบ้านจึงได้สร้างศาลเพื่อเป็นที่เคารพสักการะ



ที่นี่มีคนมากราบไหว้เยอะค่ะ สังเกตุว่ามีรูปปั้นสัตว์โดยเฉพาะไก่เป็นจำนวนมาก 
จนมีป้ายเขียนว่างดนำมาวางเพิ่ม



ขับตรงมาจนถึงสามแยกเชียงแสน เลี้ยวขวาไปตามทางเส้น 1016 จนถึง กม.27 บ้านกู่เต้า หาที่กลับรถ
มีป้ายวัดบ้านกู่เต้าเลี้ยวซ้ายเข้าไปประมาณ 2 กม.




ถึงสำนักงานเขตห้ามล่าสัตว์ป่าหนองบงคาย



ขับรถเข้าไปจอดด้านในได้เลยค่ะ ไม่เสียค่าเข้า ด้านหลังคือทะเลสาบเชียงแสน





แผนที่อาณาเขตมีพื้นที่ประมาณ 2711 ไร่



ทะเลสาบเชียงแสนมีอีกชื่อหนึ่งว่า หนองบงคาย มีลักษณะเป็นทะเลสาบล้อมรอบด้วยภูเขา




เรามาถึงตอนใกล้เที่ยงแล้วแดดร้อนจัดมากๆค่ะ แต่พวกเราก็จะไปเดินเล่นกัน 
มีสะพานไม้เดินเล่นรอบทะเลสาบ




แต่เดินไปได้นิดเดียวก็ไปต่อไม่ได้แล้วค่ะ สะพานทางเดินจมน้ำหมด



แต่เดิมเป็นหนองน้ำธรรมชาติ ต่อมามีการสร้างฝายกั้นน้ำทำให้เกิดเป็นทะเลสาบขนาดใหญ่ 
และยังเป็นถิ่นที่อยู่ของนกน้ำหลายชนิด




ถ่ายรูปกลางแดดกันสักพักก็หมดแรงเดินย้อนกลับไปอีกฝั่งทะเลสาบค่ะ





ทะเลสาบด้านนี้ร่มรื่นกว่า



มีเรือนำเที่ยวด้วยนะคะ



เดินสะพานไปชมดอกบัวชมพูอย่างใกล้ชิด



ช่วงนี้ไม่มีนกให้ดูค่ะ เหลือบไปเห็นนกยูงตัวหนึ่งกำลังเดินเล่น แป๊บเดียวบินขึ้นไปเกาะบนหลังคาแล้ว




อีกสักรูปก่อนกลับ



เดินทางไปเมืองเชียงแสนกันต่อค่ะ พบวงเวียนเชียงแสนขับตรงไปจะเห็นกำแพงเมือง




รู้สึกเหมือนได้มาเที่ยวเมืองโบราณ






ขับตรงไปจนสุดทางสามแยกมีแม่น้ำโขงกั้นเขตแดน



เลี้ยวซ้ายมาทานอาหารกลางวันกันก่อนค่ะ
ร้านอาหารจีนเก่าแก่ของเมืองเชียงแสน




เมนูมีมากมายแต่พวกเราขอลองแค่ 4 อย่าง(มื้อกลางวันถ้าทานเยอะจะง่วงนอน)
หมูหยก เกี๊ยวซ่าทอด เสี่ยวหลงเปานึ่ง ซุปมะระกระดูกหมู
อาหารรสชาติจืดๆหน่อยค่ะ แต่หมูนุ่มและเปื่อยมาก




เวลา 13:00 น.ทานอาหารเสร็จก็มาเดินเล่นริมโขงกันค่ะลมเย็นพัดมาพร้อมกับแดดร้อนๆ



ไม่มีใครมาเดินเล่นท่ามกลางแดดเหมือนเราสามคนเลยค่ะ



เงียบสงบ เหมือนเวลาหยุดนิ่งริมฝั่งโขง



ตอนเย็นๆบริเวณนี้จะเป็นถนนคนเดินมีอาหารและของมาขายมากมาย



เรามาตอนนี้ก็ดีตรงที่ไม่มีคน มีแต่วิวสวยๆตลอดแนวเลยค่ะ




มองเห็นฝั่งประเทศลาวเพียงแค่แม่น้ำกั้น มะปรางบอกว่าน่าจะมีคนว่ายน้ำข้ามฟากแน่ๆเลย







มีบริการเรือนำเที่ยวหลายเส้นทาง ติดต่อที่ร้านริมแม่น้ำได้เลยค่ะ มีอยู่หลายร้าน




ประวัติเมืองเชียงแสน



พลาดไม่ได้กับป้ายประจำสถานที่ 





สุดแดนไทยที่ริมโขงเมืองเชียงแสน



ข้ามไปอีกฝั่งถนนใกล้สถานีตำรวจเชียงแสน เป็นลานกว้างมีอุปกรณ์ออกกำลังหลายชนิด




เข้าไปไหว้พระพุทธรูปเชียงแสนสิงห์หนึ่งกันค่ะ



คำขวัญอำเภอเชียงแสน



คำขวัญจังหวัดเชียงราย



ขับรถเข้ามาในเขตกำแพงเมือง แวะวัดพระธาตุเจดีย์หลวง




สักการะพระบรมรูปพ่อขุนเม็งราย



รอบๆวัดสะอาดร่มรื่นมากๆค่ะ




วัดพระธาตุเจดีย์หลวง เป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างโดยพระเจ้าแสนภู พระราชนัดดาของพ่อขุนเม็งรายมหาราช



เจดีย์เป็นทรงระฆังแบบล้านนา สูง 88 เมตร ฐานกว้าง 24 เมตร 
มีขนาดใหญ่และสูงที่สุดในเมืองเชียงแสน





กราบไหว้พระธาตุเจดีย์




มะปรางเดินชมรอบๆเหมือนนักโบราณคดีเลยค่ะ






หลวงพ่อเชียงแสนสิงห์หนึ่ง สีทองขนาดใหญ่ประดิษฐานเป็นองค์ประธานด้านในวิหาร






ไหว้พระเสร็จก็เดินชมรอบๆวัด มีการบูรณะเป็นอย่างดีค่ะ



เดินชมกำแพงเมืองเชียงแสนกันต่อค่ะ



ตรงทางเข้ากำแพงเมือง มีโบราณสถานวัดป่าสัก เสียค่าเข้าชมคนละ 10 บาท



วัดป่าสักสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าแสนภู ราว พ.ศ.1838
เจดีย์ประธานทรงปราสาทยอดระฆัง แบบห้ายอดมีลวดลายปูนปั้นสวยงาม



เดินเล่นนั่งชมโบราณสถานในบรรยากาศเงียบๆแบบนี้เหมือนย้อนกลับไปสู่อดีตเลยค่ะ




เป็นเจดีย์สำคัญที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุโคปกะ(กระดูกตาตุ่มข้างขวา)ของพระพุทธเจ้า 
ซึ่งพระพุทธโฆษาจารย์ อัญเชิญมาจากอินเดีย






นักสำรวจตัวน้อยของแม่



เดินทางออกจากเมืองเชียงแสนถึงสามแยกเลี้ยวขวาไปทาง อ.เชียงของ



วัดพระธาตุผาเงาอยู่ห่างจากอำเภอเมืองเชียงแสนประมาณ 3 กม.
ถึงวัดแล้วก็ขับรถขึ้นไปไหว้พระบรมธาตุบนเขากันก่อนนะคะ




อุโบสถแกะสลักไม้สักทองทั้งหลัง
สร้างถวายสมเด็จพระเทพฯ เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2547



ตอนนี้กำลังมีการบูรณะ




บริเวณนี้เป็นจุดชมวิวด้วยค่ะ



ขับรถขึ้นไปอีกประมาณ 1 กม. ชมทัศนียภาพวัดพระธาตุผาเงา





วิวด้านบนนี้สวยงามมองไปได้ไกลมากๆ




พระบรมธาตุพุทธนิมิตรเจดีย์



เข้ามาไปพระด้านใน ด้านหลังพระพุทธรูปตรงกลาง มีซากเจดีย์องค์เก่าที่เหลือแต่ฐานค่ะ




พระพุทธรูปหลายองค์ประดิษฐานล้อมรอบเจดีย์องค์เก่า
มีน้ำมนตร์ใส่ขวดไว้เรียบร้อยค่ะ ร่วมทำบุญขวดละ 20 บาท



พระบรมธาตุนี้ตั้งอยู่บนจุดสูงสุดของเขาจึงมองเห็นวิวเมืองเชียงแสนและแม่น้ำได้ไกลสุดตาเลยค่ะ
เราสามารถเดินชมวิวรอบๆเจดีย์





องค์พระสยามภูมิ พิทักษ์เดชเทวาธิราข



ขับรถลงจากเขามาจอดที่ด้านล่างในบริเวณวัด



ภายในบริเวณวัดมีอาคารสวยๆหลายหลัง เช่น หอวัฒนธรรมนิทัศน์ หอกลอง




พระอุโบสถมีลวดลายปูนปั้นละเอียดงดงาม





พระธาตุผาเงา เป็นพระเจดีย์ขนาดเล็กตั้งอยู่บนหินขนาดใหญ่ หินก้อนนี้มีลักษณะสูงใหญ่คล้ายรูปทรงเจดีย์และให้ร่มเงาดีมาก ชาวบ้านจึงตั้งชื่อว่า "พระธาตุผาเงา" และเป็นที่มาของชื่อวัดในภายหลัง



พระพุทธรูปหลวงพ่อผาเงา ถูกขุดค้นพบว่าฝังอยู่ใต้พระพุทธรูปองค์ใหญ่ในถ้ำผาเงา 
มีอายุระหว่าง 700-1300 ปี เป็นพระพุทธรูปขัดสมาธิปางมารวิชัย หน้าตักกว้าง 1 เมตร สูง 1.5 เมตร






หอพระไตรปิฎกเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550
ด้านหน้ามีตู้อาหารปลาหยอดเหรียญซื้อแล้วเข้าไปให้อาหารปลาด้านในได้เลยค่ะ





เดินทางต่อไปยังวัดพระธาตุจอมกิตติ
ถ้าจอดรถไว้ด้านล่างก็สามารถเดินขึ้นทางบันไดนาค 339 ขั้นได้ค่ะ




พระเจ้าพังคราชและพระเจ้าพรหม ราชโอรส ทรงสร้างราว พ.ศ.924



พระบรมธาตุเจดีย์ มีลักษณะฐานล่างเป็นสี่เหลี่ยมจตุรัส ซุ้มทิศประดิษฐานพระพุทธรูปประทับยืนปูนปั้นทั้ง 4 ด้าน ส่วนยอดเป็นองค์ระฆังกลม



เมื่อวันที่ 16 พ.ค.2550 เกิดแผ่นดินไหวขนาด 5.8 ส่งผลให้ยอดฉัตรพระธาตุจอมกิตติหักโค่นลงมา 
แต่ก็มีการซ่อมแซมใหม่ให้แข็งแรงขึ้น ส่วนยอดเก่าก็ใส่ไว้ในตู้กระจก วางไว้ที่ด้านล่าง




เชื่อกันว่าถ้าได้กราบไหว้พระธาตุจอมกิตติแล้วจะมีลาภยศเป็นที่สรรเสริญของคนทั่วไป



ในบริเวณด้านล่างยังมีวัดจอมแจ้ง 



เจ้าสุวรรณคำล้านนา ทรงสร้าง พ.ศ. 1030



พระอุโบสถหันหน้าออกสู่แม่น้ำโขง



ด้านในเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธเชียงแสนจอมกิตติสิริลักษณ์พิพัฒน์มงคล




ขับรถต่อมาตามเส้น 1290 เลียบแม่น้ำโขงประมาณ 10 กม.ตรงไปจนถึงสามเหลี่ยมทองคำ ก.ม.890
สามแดนแผ่นดิน สามถิ่นโขงงาม สามเหลี่ยมทองคำ



สบรวกเป็นบริเวณที่แม่น้ำโขงซึ่งกั้นดินแดนระหว่างประเทศไทยและลาว 
มาพบกับแม่น้ำรวกซึ่งกั้นระหว่างประเทศไทยและพม่า 



ฝั่งตรงข้ามประเทศลาว โดมสีทองคือด่านตรวจคนเข้าเมือง ส่วนที่เป็นมงกุฏสีขาวคือคาสิโนคิงส์โรมัน




เมื่อก่อนที่นี่เคยเป็นไร่ฝิ่นที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีการค้าขายสินค้าด้วยระบบการแลกเปลี่ยน และการแลกเปลี่ยนด้วยทองคำจึงทำให้ชาวบ้านเรียกขานบริเวณนี้ว่า สามเหลี่ยมทองคำ
GOLDEN TRIANGLES



เจ้าแม่กวนอิมพันมือ



พระสังกัจจายน์หยกขาว พระบรมรอด พระยอดขุนพล พระตนลือโขง





ผู้ลอดท้องช้างจะมีอายุยืนยาว เคราะห์ร้ายกลายเป็นดี
ถ้าลูบฆ้องแล้วมีเสียงดังถือว่ามีบุญ




เรือแก้วกุศลธรรม ขนาดเรือกว้าง 22 เมตร ยาว 89 เมตร




พระเชียงแสนสี่แผ่นดิน หรือ พระพุทธนวล้านตื้อ ประดิษฐานอยู่กลางแจ้ง
 สร้างขึ้นแทนพระเจ้าล้านตื้อองค์เดิมที่จมลงแม่น้ำโขง



สร้างขึ้นด้วยทองสัมฤทธิ์ ปิดทองด้วยบุศราคัม น้ำหนัก 69 ตัน หน้าตักกว้าง 9.99 เมตร  สูง 15.99 เมตร





ตุงหลวงเฉลิมพระเกียรติ มีความสูง 17.99 เมตร 






ขับรถขึ้นไปวัดพระธาตุภูเข้า(ปูเข้า) กันค่ะ




วัดปูเข้าเป็นวัดเก่าแก่อายุนับพันปี สร้างตั้งแต่ พ.ศ. 1302




บันไดทางขึ้นสวยแปลกตามากๆค่ะ







โบราณสถานประกอบด้วยวิหารและกลุ่มเจดีย์ที่พังไปเกือบหมดแล้วเหลือแต่ฐานกองอิฐ




ด้านในพระวิหารเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปหลายองค์ มีพระพุทธรูปเชียงแสนองค์ใหม่ด้วยค่ะ



พระธาตุนี้ตั้งอยู่บนดอยเชียงเมี่ยง



ด้านล่างบริเวณลานจอดรถเป็นจุดชมวิวค่ะ





จุดชมวิว




พระพุทธสิริไตรรัฐ



มีป้ายบอกทางให้ไปจุดชมวิวที่สูงที่สุด วัดพระธาตุสามมุมเมือง แต่เราดูทางมันแคบน่าจะขับรถลำบากเลยไม่ได้ไปค่ะ ออกเดินทางต่อไป อ.แม่ฟ้าหลวงกัน


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น