TUKEMD

__TUKEMD__ชื่อบ้าน อ่านว่า ตุ๊ก-เอ็ม-ดี นะจ๊ะ เป็นชื่อในเน็ตของแม่ตุ๊กเองค่ะ

บ้านหลังน้อย หลังนี้เป็นของแม่ตุ๊ก,น้องมะปราง และ คุณป๋า

เป็นบล็อกเพื่อบันทึกความสุข ความทรงจำ ในการท่องเที่ยวที่ต่างๆของครอบครัวเราค่ะ



2559/01/01

1. เจดีย์กลางน้ำ(เยเลพญา)-พระมหาเจดีย์ชเวดากอง-พักโรงแรมเรือ

 วันพฤหัสบดีที่ 31 ธ.ค.2558

ส่งท้ายปีเก่า 2558 สู่ปีใหม่ 2559 คุณป๋าพาพวกเราไปไหว้พระสักการะมหาบูชาสถานที่พม่ากันค่ะ

เวลา 10:00 น. ออกเดินทางสู่เมื่องย่างกุ้ง ประเทศพม่า ด้วยสายการบินไทยสไมล์




พอเครื่องขึ้นสักพัก พนักงานก็เสิร์ฟอาหารเช้า มีขนมและน้ำครบค่ะ




เวลา 11:00 น.เดินทางถึงสนามบินมิงกลาดง เมืองย่างกุ้ง เมียนมาร์ (เวลาที่พม่าช้ากว่าเมืองไทย 
30 นาที) ผ่านการตรวจคนเข้าเมือง รับกระเป๋าเสร็จก็ขึ้นรถบัสเพื่อเดินทางเลยค่ะ




ไกด์ของเราทริปนี้ ไกด์พม่าเป็นผู้ชายชาวไทยใหญ่ ชื่อบุญมา พูดไทยเก่งค่ะ




ก่อนออกนอกเมืองแวะรับประทานอาหารเที่ยงที่ภัตตาคารอาหารไทย ร้าน SOMBOON SEA FOOD



อาหารเต็มโต๊ะเลยค่ะ หิวจัดรีบทาน (ลืมถ่ายก่อนทาน)






ทานอาหารเสร็จก็เดินทางสู่เมืองสิเรียม(Thanlyin) อยู่ห่างจากย่างกุ้ง 45 กม.
ใช้เวลาเดินทางประมาณ ชม.กว่าๆ (รถติดมาก) 
ในอดีตเมืองนี้เคยเป็นเมืองท่าของโปรตุเกส ตั้งอยู่ริมแม่น้ำย่างกุ้งที่เชื่อมต่อกับแม่น้ำอิระวดี



ชมความสวยงามของเจดีย์กลางน้ำ หรือ เจดีย์เยเลพญา (Kyaik Hwaw Wun Pagoda)




ซื้อดอกไม้ไหว้พระและนั่งเรือหางยาวข้ามฟากไปที่เจดีย์ค่ะ




เจดีย์ตั้งอยู่บนเกาะเล็กๆกลางแม่น้ำ



มีประวัติว่าเจดีย์นี้สร้างในสมัยที่มอญมีอำนาจประมาณพันกว่าปีก่อน
ผู้สร้างเจดีย์ได้อธิษฐานว่า ถ้าน้ำท่วมก็ขออย่าให้ท่วมองค์พระเจดีย์ 
ถ้ามีผู้คนมากราบไหว้จำนวนมากก็ขอให้ไม่มีวันเต็มล้นเกาะ




เจดีย์ถูกคลุมด้วยเสื่อเพราะกำลังมีการบูรณะอยู่ค่ะ




ศาลาแต่ละหลังทำจากไม้แกะสลัก ทาสีทองเหลืองอร่าม














เข้าไปนมัสการพระพุทธรูปแกะสลักศักดิ์สิทธิ์บริเวณพระเจดีย์




นมัสการพระพุทธรูปเก่าแก่ทรงเครื่องจักรพรรดิประดิษฐานบนบัลลังก์ไม้แกะสลักปิดทองคำทองเปลว







อาคารแสดงภาพที่พระพุทธเจ้าทรงทำนายพระสุบินของพระเจ้าปเสนทิโกศล จำนวน 16 ข้อ
ซึ่งพระพุทธเจ้าทรงบอกว่าเหตุการณ์เหล่านี้จะเกิดขึ้นในยุคที่ศาสนาเสื่อมลง ในปัจจุบันก็เกิดหลายอย่างแล้ว




ส่วนที่สำคัญบนเกาะนี้คือ ส่วนมุขที่ยื่นไปในน้ำด้านหลังพระเจดีย์



เป็นที่ประดิษฐานของ พระอุปคุต



ตามตำนานเล่าว่าหลังจากพระอุปคุตปราบช้างตกมันแล้ว พระเจ้าอโศกจึงถวายภัตตาหารแต่ใกล้จะเลยเวลาฉันแล้ว ท่านจึงกล่าวว่า "หยุดก่อนเถิดท่านพระอาทิตย์ เพิ่งปฏิบัติกิจเสร็จยังไม่ได้ฉันอาหารเลย" พระอาทิตย์ก็หยุดรอ



พระอุปคุตจึงมองพระอาทิตย์ไปด้วยและฉันอาหารไปด้วย เพื่อห้ามไม่ให้พระอาทิตย์เคลื่อนเกินศรีษะ
ดังนั้นจึงนิยมสร้างเป็นรูปพระมือขวาล้วงบาตรเงยหน้ามองพระอาทิตย์
ชาวพม่าเชื่อว่า พระอุปคุตจะบันดาลให้มีกินมีใช้ตลอดและมีโชคลาภ



ไหว้พระทำบุญเสร็จ ก็มาให้อาหารปลาค่ะ




บริเวณรอบๆเจดีย์มีพระพุทธรูปจำนวนมากให้เราได้กราบไหว้ค่ะ




เครื่องแต่งกายของกษัตริย์พม่าสมัยโบราณ





เดินชมจนทั่วก็ได้เวลานั่งเรือข้ามฟากกลับค่ะ




เวลา 15:00 น.นั่งรถกลับเข้าเมืองย่างกุ้ง




เวลา 17:00 น.เดินทางมาถึงพระมหาเจดีย์ชเวดากอง (Shwedagon Pagoda)

ระหว่างรอขึ้นลิฟท์เพื่อไปที่เจดีย์ก็ขอเก็บภาพระยะไกลหน่อยค่ะ ทางขึ้นทั้ง 4 ทิศ จะมีวิหารโถง
สร้างด้วยเครื่องไม้หลังคาทรงปราสาทปิดทองล่องชาดประดับกระจกทั้งหลัง




พวกเราขึ้นลิฟท์เข้ามาทางด้านหลังพระเจดีย์ ส่วนถ้าเดินขึ้นบันไดจะเข้าทางด้านหน้าพระเจดีย์



เจดีย์ทองแห่งเมืองดากอง หรือ ตะเกิง (ชื่อเดิมของเมืองย่างกุ้ง) แห่งลุ่มน้ำอิระวดี



ไกด์บอกว่าเราขึ้นมาช่วงเย็นแบบนี้เป็นเวลาดีที่สุดเพราะอากาศไม่ร้อนมากเวลาเดินไม่ร้อนเท้า
 และเราจะสามารถเห็นพระเจดีย์หลายสีสันจากเย็น-พระอาทิตย์ตก-มืด



ซื้อดอกไม้ช่อใหญ่พิเศษไหว้พระเจดีย์



เดินหามุมพระเจดีย์ที่สวยที่สุด...คือบริเวณลานอธิษฐาน...แล้วปักหลักตั้งกล้องเลยค่ะ 
พระอาทิตย์จะตกแล้ว








เจดีย์ทองคำคู่บ้านคู่เมืองประเทศพม่า มีอายุมากกว่า 2500 ปี เป็นมหาเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดของพม่า
มีความสูงถึง 326 ฟุต สร้างโดยพระเจ้าโอกะลาปะ เป็นที่ประดิษฐานพระเกศาธาตุ 8 เส้น




เจดีย์นี้มีทองคำโอบหุ้มอยู่รวมน้ำหนักถึง 1100 กก. ยอดฉัตรประดับด้วยเพชรพลอยอัญมณีล้ำค่า
กว่า 5,548 เม็ด โดยเฉพาะเพชรเม็ดใหญ่ขนาด 76.6 กะรัต




รอบองค์พระเจดีย์มีพระประจำวันเกิดประดิษฐานทั้ง 8 ทิศ 8 องค์
มีป้ายชื่อวันเป็นภาษาอังกฤษด้วยค่ะ ใครเกิดวันไหนก็ไปสรงน้ำพระประจำวันเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต






ไปเดินชมความงามรอบพระเจดีย์สักรอบค่ะ






รอบๆพระเจดีย์มีพระพุทธรูปให้กราบไหว้มากมายทุกมุมเลยค่ะ





อาคารแสดงภาพถ่ายของเจดีย์ชเวดากอง (Shwedagon Pagoda Photo Gallery)




ทุกศาลาละลานตาไปด้วยสีทอง อิ่มบุญและอิ่มทองมากๆค่ะ



ชาวพม่ามากราบไหว้กันเยอะมากเพราะถือว่าการมากราบไว้บูชาเจดีย์ชเวดากองเป็นประจำ 
จะนำมาซึ่งบุญกุศลอันเป็นหนทางสู่การหลุดพ้นทุกข์โศกโรคภัยทั้งปวง




คนที่นี่นิยมนำของสีทองมาทำบุญ ขนาดมะพร้าวยังทาสีทองเลยค่ะ



จับดูแล้วเป็นลูกมะพร้าวของจริงค่ะ






รอบองค์พระเจดีย์รายล้อมไปด้วยสิ่งปลูกสร้างกว่าร้อยหลัง มีทั้งสถูปบริวาร วิหารทิศ 
วิหารรายและศาลามากมาย









เดินจนครบรอบพระเจดีย์แล้วค่ะ ไกด์บอกว่าระยะทางโดยรอบประมาณ 1 กม.




ไกด์พาเดินอ้อมมาจุดตำแหน่งพิเศษ เพื่อชมแสงของอัญมณีที่ประดับบนยอดฉัตร
โดยจุดชมแต่ละระยะจะได้เห็นสีแตกต่างกันออกไปเช่น สีเหลือง น้ำเงิน ส้ม แดง 
แปลกมากๆค่ะ ต้องมองด้วยตาเปล่านะคะ ถ่ายรูปไม่ติด



พระพุทธรูปที่มีพระพักตร์งดงามที่สุด



ขออำลาพระเจดีย์ชเวดากองที่ลานอธิษฐาน ซึ่งเป็นจุดที่บุเรงนองมาขอพรก่อนออกรบ



เวลา 20:00 น. เดินทางออกจากเจดีย์ชเวดากอง 
พวกเรามีความสุขมากค่ะได้ไหว้พระวันส่งท้ายปีเก่าในสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้




แวะทานอาหารเย็นที่ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง




เวลา 21:00 น.คืนนี้เราพักที่โรงแรมเรือระดับ 5 ดาว Vintage Luxury Hotel




คืนนี้เป็นวันสิ้นปี มีแขกมาพักเยอะมากๆค่ะ โรงแรมมี 4 ชั้น




พวกเราโชคดีได้ห้องพักชั้นนี้เลยไม่ต้องลากกระเป๋าไกล




ห้องขนาดไม่ใหญ่มากแต่ตกแต่งหรูหราสไตล์วินเทจ




ลองทายว่าในถังนี้มีอะไร?




เป็นตู้เย็นค่ะ




ห้องน้ำมีอุปกรณ์ครบทุกอย่าง มีเครื่องทำน้ำอุ่นและอ่างอาบน้ำด้วยค่ะ(ไม่ได้เก็บภาพมา)






สิ่งที่เก๋ไก๋ที่สุดในห้อง ที่มะปรางให้ความสนใจมากๆคือ กระจกบานนี้ค่ะ



กระจกพิมพ์ลายแผนที่โลกไว้อย่างละเอียด  ถ่ายภาพได้ไม่ชัดค่ะ



มีเตาผิงในห้องด้วย!!




มะปรางลองจับแล้วไม่ร้อนค่ะ...เพราะเป็นจอภาพเคลื่อนไหว

ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว รีบอาบน้ำพักผ่อนกันค่ะ พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น