TUKEMD

__TUKEMD__ชื่อบ้าน อ่านว่า ตุ๊ก-เอ็ม-ดี นะจ๊ะ เป็นชื่อในเน็ตของแม่ตุ๊กเองค่ะ

บ้านหลังน้อย หลังนี้เป็นของแม่ตุ๊ก,น้องมะปราง และ คุณป๋า

เป็นบล็อกเพื่อบันทึกความสุข ความทรงจำ ในการท่องเที่ยวที่ต่างๆของครอบครัวเราค่ะ



2556/10/20

3.ม่อนแจ่ม อ.แม่ริม-เวียงกุมกาม

วันเสาร์ที่ 19 ตุลาคม 2556

เวลา 17:00 น.เดินทางไป อ.แม่ริมใช้เส้นทาง หมายเลข 1096 สายแม่ริม-สะเมิง 
ขับไปจนถึง กม.15 ให้เลี้ยวขวาที่บ้านโป่ง มีป้ายบอกทางไปม่อนแจ่ม



เส้นทางขับขึ้นเขาตลอดค่อนข้างสูงชัน แต่แทบไม่มีรถเลยขับสบาย ขับช้าๆชมวิวไปตลอดทาง



ระยะทางประมาณ 6.5 กม.ตอนนี้พวกเรามาถึงบนยอดเขา เห็นทางขึ้นที่พักของเราแล้ว



ม่อนวิวงาม
บ้านพักบนสันเขา




ตอนนี้บ้านพักเต็มทุกหลัง แต่แม่ตุ๊กจองล่วงหน้ามาประมาณ 1 เดือน
ห้องมีขนาดเล็ก เตียงใหญ่ 1 เตียง มีพัดลม ทีวี เครื่องทำน้ำอุ่น ราคาคืนละ 1000 บาท



เวลา 18:00 น.ออกมาทานอาหารเย็น ที่ร้านอาหารของรีสอร์ทค่ะ




แม่ตุ๊กจองรีสอร์ทนี้เพราะตำแหน่งอยู่สูงที่สุดมองเห็นวิวโดยรอบ




วันนี้รอบๆตัวมีแต่หมอกและความหนาวเย็น




เดินเล่นรอบๆรีสอร์ทได้สักพักก็ทนหนาวไม่ไหว ขอกลับมาหลบหนาวให้ห้องพัก 
ทานขนม ดูทีวี อาบน้ำเข้านอนค่ะ




วันอาทิตย์ที่ 20 ตุลาคม 2556

เมื่อคืนนอนเร็ว วันนี้เลยตื่นเช้าออกมาเดินเล่นรอบๆรีสอร์ทอีกครั้งค่ะ




อากาศเช้านี้เวลา 6:30 น.อุณหภูมิ16 องศา......หนาวววมากๆๆ




หน้าบ้านพัก





ตอนนี้พวกเราอยู่ที่ความสูง 1350 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล หมอกยังหนามากมองไม่เห็นวิวรอบๆเลยค่ะ




บางคนอยากสัมผัสธรรมชาติมาก ก็ออกมากางเต๊นท์นอนที่ระเบียงหลังห้อง





จากบ้านพักเราสามารถมองเห็นวิวโดยรอบ 360 องศาเลยค่ะ




ร้านอาหารที่พวกเราไปทานเมื่อวานอยู่ด้านล่าง




เดินลงมาที่ร้านอาหาร ทานอาหารเช้าค่ะ



เมื่อคืนฝนตก ตรงระเบียงห้องอาหารเปียกหมดเลยเข้าไปทานอาหารด้านใน




อาหารเช้า ข้าวต้มหมูร้อนๆ คนละถ้วย




ลานกางเต้นท์



มีรีสอร์ทอยู่ด้านล่างด้วยค่ะ



น่าจะชื่อ ม่อนอิงดาว(ไม่แน่ใจ)





เวลา 7:30 น. หมอกเริ่มจางลงนิด พอลมพัดมาทีหมอกก็หายไปแป๊บนึง








ด้านล่างเป็นลานกางเต๊นท์




ต้นไม้สีเขียวสดชื่นมากๆ





ทุ่งดอกไม้สีม่วง...ดอกเวอร์บีน่าในหมอก 



สีม่วงเหมือนดอกลาเวนเดอร์ บานเป็นทุ่งเลยค่ะ



หมอกจางลง..สีม่วงสวยแจ่มมาก







กูสเบอรรี่




เดินชมแปลงผัก ผลไม้เมืองหนาว





บนม่อนแจ่มมีสิ่งที่ขึ้นชื่ออีกอย่างคือ"ทุ่งตอกบัวตอง" ลองเดินไปดูกันค่ะ



ดอกบัวตอง..ยังไม่บาน ต้องรอเดือนหน้าค่ะ





เดินกลับมาห้องพัก



วิวจากระเบียงหลังห้อง



แปลงผักทั้งภูเขา




ชาวม้งเก็บผักสดๆไปขาย



ผักสดปลอดสารเคมี





อาบน้ำแต่งตัวเสร็จ เตรียมออกเดินทางค่ะ



บ้ายบาย ม่อนวิวงาม ออกเดินทางพร้อมสายฝน



ขับไปตามเส้นทาง โครงการหลวงหนองหอย




จะเจอป้ายบอกทางไปม่อนแจ่ม



ฝนตกทางเละเทะมากขับรถขึ้นลำบาก คุณป๋าเลยจอดรถไว้ด้านล่าง เสียค่าจอด 20 บาท




ตรงทางขึ้น มีร้านขายของชาวม้ง




เลือกซื้อของฝากเลยค่ะหรือจะซื้อตอนกลับลงมาก็ได้




ถึงแล้ว...ม่อนแจ่ม



รถไม้ชาวม้ง...เล่นไม่ได้เพราะทางเป็นโคลน ขอถ่ายรูปเป็นที่ระลึกนิดนึง



ขึ้นมาบนยอดม่อนแจ่ม มีนักท่องเที่ยวเยอะพอสมควร




นั่งเล่นในร้านอาหาร มีร้านกาแฟ ใครสั่งอาหารเสร็จก็ไปเลือกที่นั่งตรงซุ้มริมหน้าผาได้เลยค่ะ



ตอนนี้ฝนตกพวกเราขอนั่งเล่นข้างบนดีกว่า
มีหมาน้อยหน้าเหมือนพันธุ์ชิบะ มานั่งเป็นเพื่อนด้วย




บริเวณนี้เป็นที่พัก ชื่อว่า ม่อนแจ่ม แคมปิ้ง รีสอร์ท มีลักษณะเป็นเต๊นท์ตั้งหลดหลั่นกันบนหน้าเขา





ถ้าไม่มีหมอก บริเวณศาลาด้านล่างจะมองเห็นวิวสวยมากๆค่ะ




ม่อนแจ่มเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ เพิ่งเปิดตัวเมื่อปลายปี 2552




ม่อนแจ่มเป็นส่วนหนึ่งของศูนย์พัฒนาโครงการหลวงหนองหอย ตั้งอยู่บริเวณหมู่บ้านม้ง




อากาศเย็นสบายตลอดปี มีหมอกยามเช้า สามารถมองเห็นวิวโดยรอบ




เด็กน้อยชาวม้งวิ่งเล่นมาถ่ายรูปกับนักท่องเที่ยว




มองเห็นทิวเขาไกลๆ




เดิมเรียกที่นี่ว่า กิ่วเสือ เป็นป่ารกร้าง ชาวบ้านเข้ามาแผ้วถางและปลูกฝิ่น
 แต่ต่อมาโครงการหลวงเข้ามาขอซื้อที่เพื่อให้เข้าโครงการหลวงหนองหอย



ดอกฝิ่นสีสวยค่ะ



มีการจัดแต่งสวนปลูกดอกไม้ พืชผัก สมุนไพร ทั่วบริเวณ



วันนี้ดอกไม้จะช้ำน้ำไปหน่อยเพราะฝนตกหนักทั้งคืน





มีมุมให้ถ่ายรูปมากมาย





มีศาลานั่งพักชมวิวอยู่หลายอัน







ต้องมาถ่ายรูปกับรถคันนี้นะคะ ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของม่อนแจ่มเลยค่ะ




ปลูกดอกไม้ในรถโครงการหลวง(ที่เสียแล้ว) 





พืชผักที่ปลูกก็นำมาใช้ปรุงอาหารขายในร้านอาหารม่อนแจ่มค่ะ



คุณแจ่ม-แจ่มจรัส สุชีวะ หลานของ ม.จ.ภีศเดช รัชนี ประธานมูลนิธิโครงการหลวงได้เข้ามาพัฒนา
และปรับปรุงให้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยว โดยเฉพาะในลักษณะแค้มปิ้งรีสอร์ท
(คิดว่าชื่อม่อนแจ่มน่าจะมาจากชื่อของคุณแจ่มนะคะ)




เดินเล่นชมวิวรอบๆม่อนแจ่มแบบเปียกๆ สักชั่วโมงก็ขับรถลงข้างล่างค่ะ




ผ่านโครงการหลวงหนองหอย..ไม่ได้แวะค่ะ ฝนตกมาก




แวะสวนอีเดน ด้านหน้าเป็นไร่องุ่น ด้านหลังเป็นแปลงสตรอเบอรรี่พันธุ์หวาน และสวนดอกไม้



แปลงองุ่นไร้เมล็ด มีค่าเข้าชมคนละ 20 บาท





องุ่นยังเขียวอยู่ ถ้าช่วงที่องุ่นสุกแล้ว มีบริการเก็บองุ่นเองด้วยค่ะ โดยขอตะกร้ากับกรรไกรตรงทางเข้าตัดเสร็จก็นำมาชั่ง ทางสวนคิดประมาณกิโลละร้อยบาท



เวลา 12:00 น.ขับรถกลับเข้าเมืองเชียงใหม่ แวะทานอาหารเที่ยง




เวลา 13:00 น. ขับรถออกจากเมืองเชียงใหม่มาประมาณ 5 กม.ไป อ.สารภี
เที่ยวเวียงกุมกาม...นครโบราณใต้พิภพ เมืองหลวงแห่งแรกของล้านนา




เห็นป้ายก็เลี้ยวซ้ายเข้าไปเลยค่ะ ขับผ่านซุ้มประตูเวียงกุมกาม




ด้านในจะพบกับวัดเจดีย์เหลี่ยม (กู่คำหลวง)



โดดเด่นที่เจดีย์ประธานสีขาวตั้งอยู่ด้านหลังพระวิหาร




ลักษณะเป็นเจดีย์ทรงมณฑปสี่เหลี่ยมลด 5 ชั้นคล้ายทรงปิรามิด สร้างก่ออิฐฉาบปูนขาว 
ล้อมรอบด้วยกำแพงแก้วทั้ง 4 ด้าน ที่มุมทั้ง 4 ประดับด้วยประติมากรรมปูนกั้นลอยตัวรูปสิงห์



มีรถรางให้บริการชมเวียงกุมกามด้วยค่ะ ราคาคันละ 300-400 บาท ตามจำนวนคน



แผนที่แสดงแหล่งท่องเที่ยวในเวียงกุมกาม

ที่นี่เป็นชุมชนโบราณมีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า กว้าง 600 เมตร ยาว 800 เมตร 
ขนานไปตามลำน้ำปิงสายเก่า ต่อมาเกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่จนเวียงกุมกามล่มสลาย วัด บ้านเรือนจมอยู่ใต้ดินทราย กลายเป็นเมืองร้าง จนกระทั่งกรมศิลปากรได้ค้นพบร่องรอยกำแพงเมือง
และซากโบราณสถานจึงมีการขุดค้นและบูรณะขึ้นมาใหม่




เพื่อให้ได้บรรยากาศในการชมเมืองเก่า คุณป๋าเลยพานั่งรถม้าชมเวียงค่ะ




รถม้าคันละ 200 บาท นั่งได้ 2-3 คน  ใช้เวลานำเที่ยวประมาณ 45-60 นาที 
โดยคนขับรถม้าจะเป็นมัคคุเทศก์



จุดแรกที่แวะคือ วัดธาตุขาว อยู่ทางใต้ของวัดเจดีย์เหลี่ยม




สภาพปัจจุบันเป็นวัดร้าง แวดล้อมด้วยสวนลำใยของเอกชน
สิ่งก่อสร้างที่ค้นพบก็เหลือเพียงฐานของเจดีย์ตั้งยู่ด้านหลังฐานพระวิหาร



จากการขุดแต่งวัดนี้เมื่อปี พ.ศ. 2528 ได้พบองค์พระพุทธรูปปูนปั้นที่ชำรุด 
จึงได้ปั้นแต่งให้มีลักษณะพื้นเมือง



ไหว้พระ-ทำบุญ










วัดปู่เปี้ย



โบราณสถานประกอบด้วยวิหารยกพื้นสูง เจดีย์ อุโบสถ ศาลผีเสื้อ และแท่นบูชา





                                        เป็นวัดที่มีความงดงามแห่งหนึ่งในเวียงกุมกาม




เจดีย์ประธานมณฑปมีสภาพค่อนข้างสมบูรณ์




ม้าตัวนี้พาพวกเราลัดเลาะทั่วเวียงเลยค่ะ



วัดหนานช้าง




ด้านหน้าวัดอยู่ใกล้แม่น้ำปิง




เหลือแต่ฐานวิหารและฐานเจดีย์



ศูนย์กลางจุดค้นพบเวียงกุมกาม พ.ศ. 2527



วัดช้างค้ำ เชื่อว่าเป็นวัดเดียวกับวัดกานโถม 
มีการก่อสร้างในช่วงพญามังรายอยู่ที่เวียงกุมกามเมื่อปี พ.ศ.1833 ตอนนี้ที่เหลืออยู่คือฐานเจดีย์-วิหาร




เป็นวัดที่ยังมีพระสงฆ์จำพรรษาอยู่ค่ะ







ในบริเวณวัดมีต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่พญามังรายได้อัญเชิญเมล็ดจากเมืองลังกามาไว้ด้วย
ปัจจุบันมีอายุ 700 กว่าปีแล้วค่ะ



จุดแรกที่ค้นพบเวียงกุมกาม พ.ศ.2527



ในนี้มีศาลาบริการนวดแผนไทยด้วยค่ะ




จำลองบ้านโบราณล้านนา ขึ้นไปเยี่ยมชมได้ค่ะ




หอพญามังราย



ด้านในมีรูปปั้นพญามังราย (กษัตริย์แห่งล้านนาผู้สร้างเวียงกุมกาม) เข้าไปกราบไหว้กันค่ะ




แวะเข้าไปไหว้พระด้านในวิหารก่อนกลับค่ะ

















มะปรางบอกว่านั่งรถม้าลมเย็นสบายดีค่ะ




                                  รถม้าพาวนกลับมาที่เดิมค่ะ สิ้นสุดการชมเวียงกุมกาม



เวลา 15:00 น.เดินทางไปที่พักคืนนี้ โรงแรมโนเบิ้ลเพลส



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น