TUKEMD

__TUKEMD__ชื่อบ้าน อ่านว่า ตุ๊ก-เอ็ม-ดี นะจ๊ะ เป็นชื่อในเน็ตของแม่ตุ๊กเองค่ะ

บ้านหลังน้อย หลังนี้เป็นของแม่ตุ๊ก,น้องมะปราง และ คุณป๋า

เป็นบล็อกเพื่อบันทึกความสุข ความทรงจำ ในการท่องเที่ยวที่ต่างๆของครอบครัวเราค่ะ



2556/10/19

2.ยอดดอยอินทนนท์-แม่กลางหลวง-วัดต้นเกว๋น-วัดป่าดาราภิรมย์

วันเสาร์ที่ 19 ตุลาคม 2556

ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.royal-inthanon.com/index.php

เวลา 7:00 น. วันนี้ตื่นแต่เช้า พร้อมอากาศชื้นแฉะและเย็นมาก



ไปเดินเล่นชมสถานีเกษตรกันค่ะ  เมื่อวานมาถึงเย็นมากเลยไม่ได้เดินชมภายในสถานี
พวกเราพักในนี้เลยสามารถออกมาเดินเล่นได้ตลอด ไม่มีเวลาเปิดปิด




ศึกษาแผนที่ภายในสถานีเกษตรหลวง
มีจุดเยี่ยมชมหลายแห่ง พวกเราจะเดินให้ครบเลยค่ะ




ข้างหลังคือน้ำตกสิริภูมิ. ชื่อเหมือนห้องพักของเราค่ะ



บริเวณนี้เป็นจุดชมวิวน้ำตกสิริภูมิ ด้านในเป็นสวนหลวงสิริภูมิ เป็นแหล่งรวบรวมพันธุ์เฟิร์น ทั้งของไทยและต่างประเทศ มีน้ำตกชั้นล่างของน้ำตกสิริภูมิ พื้นที่ทั้งหมดประมาณ 8 ไร่



แปลงเกษตร มีทั้งไม้ดอกและพืชผัก




แปลงดอกไม้มีพลาสติกคลุม เข้าไปเดินเล่นได้ไม่เปียกฝน




ฝนตกโปรยปรายตลอดเวลาเดินลำบาก กลับมาทานอาหารเช้าก่อนดีกว่าค่ะ
เดินย้อนกลับมาที่สโมสรอินทนนท์




อุณหภูมิเช้านี้ประมาณ 19 องศา หนาวดีค่ะ



ทานอาหารเช้าที่ร้านอาหารชั้นบน(ที่เดิมค่ะ)




เป็นอาหารเช้าแบบบุฟเฟต์ ข้าวผัด ยำกุนเชียง ไส้กรอกนึ่ง เบคอนทอด




ผัดผักกวางตุ้ง แกงจืดเต้าหู้หมูสับผักกาดขาว สลัด น้ำผลไม้







อาหารเมนูธรรมดา แต่อร่อยมากกกๆๆๆ ทุกอย่างค่ะ (เป็นผลิตผลของในสถานีเกษตรเอง)
มะปรางทานอาหารเช้าได้เยอะเลย




วิวจากห้องอาหารจะมองเห็นแปลงเกษตรเต็มไปหมด




พวกเราทานอาหารเช้ากันอยู่ครอบครัวเดียว อากาศหนาวเย็นคนส่วนมากยังไม่ตื่น



เวลา 8:00 น.ทานอาหารเช้าเสร็จ  หมอกลงหนามาก แทบไม่เห็นแสงอาทิตย์เลยค่ะ




เดินเล่นย่อยอาหารอีกรอบ



เดินออกมาด้านหน้าบริเวณสำนักงาน




หนาวเย็นสุดๆค่ะ



หมอกหนาจนมองทางข้างหน้าไม่เห็นเลยค่ะ ถ้าขับรถคงอันตรายมาก



วิวสวยไม่แพ้เมืองนอกเลยค่ะ



เดินลัดเลาะไปในสวน




ดอกไม้สีสวยสดใสมาก แม้จะเปียกชุ่มไปด้วยน้ำ




แวะมาชมหงส์ดำ ที่พี่เบิร์ดมอบให้โครงการหลวงกันค่ะ




หงส์ดำสองตัว สีดำจริงๆค่ะ




หงส์ดำ กับ หงส์ขาว







ปลาคาร์ฟแฟนซี เป็ดแมลลาร์ด (Fancy Calf & Mallard Duck)



มะปรางเดินถ่ายรูปเพลิดเพลิน




อากาศสดชื่น มีความสุขกันมากๆๆ



ชมสวน 80 พรรษา(Royal 80 Garden)
จัดในปี พ.ศ. 2550 เนื่องในวโรกาสที่พระบาสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระชนมพรรษาครบ 80 พรรษา



ทั้งสวนมีพวกเราเดินเล่นกันแค่สามคน




ในสวนเป็นที่จัดแสดงพรรณไม้ดอกเมืองหนาวนานาชนิด




ดอกไม้สีเดียวกะหมวกของมะปรางเลยค่ะ




มีการจัดภูมิทัศน์ให้สวยงาม เหมือนอยู่ต่างประเทศเลยค่ะ





โรงเรือนรวบรวมและจัดแสดงเฟิร์น




รวบรวมเฟิร์นที่หายากหลากหลายชนิดทั้งของไทยและต่างประเทศประมาณ 50 สกุล 200 กว่าชนิด




โรงเรือนรวบรวมและจัดแสดงพืชกินสัตว์ พืชกินแมลง เช่น หม้อข้าวหม้อแกงลิง พิงกุยชนิดต่างๆ





จากด้านบนมองลงไปถ้าไม่มีหมอกน่าจะเห็นวิวได้ไกลเลยค่ะ



โรงเรือนรวบรวมและจัดแสดงพันธุ์ไม้. Ornamental Plant Display






เดินเล่นชมพันธุ์ไม้ได้อย่างสบายใจ ไม่มีคนเลยค่ะ




ด้านในโรงเรือนกันฝน กันแดด และกันหนาวได้ดี



ดอกไม้แดงกับเด็กน้อย



แยกย้ายกันเดินถ่ายรูปอย่างสนุกสนาน





ปลูกองุ่นในโรงเรือนได้ด้วยค่ะ




ต้นกระบองเพชรก็มีนะคะ



เดินจนรอบสถานีเกษตรมาถึงด้านหน้าตรงทางเข้า มีร้านค้าขายผลิตภัณฑ์โครงการหลวง
 และมีร้านกาแฟด้วยค่ะ ซื้อขนม ของฝากที่นี่ได้เลย สดใหม่ ราคาไม่แพง



ตรงเนินนี้เป็นจุดชมวิวโครงการหลวงที่สวยงามมากเลยค่ะ



กลับห้องพัก อาบน้ำ(เย็นเหมือนน้ำแข็ง) 




เตรียมตัวออกเดินทางต่อ ไปเช็คเอ้าท์ที่สโมสรด้านหน้าค่ะ






พวกเราชอบที่พักในสถานีเกษตรหลวงอินทนนท์ที่สุด ที่พักสวย จนท.บริการดี อาหารอร่อยมาก
 ให้คะแนน 10 เต็มเลยค่ะ



วิวสวยทุกมุม



แล้วพวกเราจะกลับมาพักที่นี่อีกค่ะ



เวลา 10 :00 น.ขับรถออกมาจากสถานีเกษตร เข้าสู่เส้นทาง 1009 ขับต่อขึ้นไปอีกจนถึง กม.ที่ 41.5 
พอเห็นป้ายก็เลี้ยวซ้ายเข้าไปเลยค่ะ



ถึงแล้วค่ะ  พระมหาธาตุนภเมทนีดล และ พระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ
เข้าไปจอดรถและจายค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 10 บาท




พระมหาธาตุนภเมทนีดล 
สร้างถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในวโรกาสทรงเจริญพระชนพรรษาครบ 5 รอบ 
เมื่อปี พ.ศ.2530




ฝนตกอยู่ เลยเข้ามาขึ้นบันไดเลื่อนไปข้างบนค่ะ 





พระธาตุองค์นี้สีน้ำตาล มีความสูง 60 เมตร ฐานทรงระฆัง 8 เหลี่ยม 3 ชั้น 
เหนือขึ้นไปเป็นรูปบัวหงาย 8 กลีบ ส่วนบนสุดรูปทรงยอดปลีสีทอง



ภายในพระมหาเจดีย์ เป็นห้องโถงโล่งทรง 8 เหลี่ยม ผนังประดับด้วยภาพศิลาจำหลัก แบบนูนต่ำ 4 ภาพ แสดงพุทธประวัติ 4 ตอนคือ ประสูติ ตรัสรู้ ปฐมเทศนา และปรินิพพาน




ตรงกลางห้องประดิษฐานพระพุทธรูปปางประทานพร จำหลักด้วยหินแกรนิต 
หน้าตักกว้าง 60 นิ้ว สูง 87 นิ้ว หนัก 6 ตัน โดยแกะสลักจากหินแกรนิตสีเขียวอมเทาของอินโดนีเซีย




รอบๆพระมหาเจดีย์มีการจัดแต่งสวนสวยงาม




ออกไปเดินเล่นได้แป๊บเดียวก็ต้องรีบเข้ามาหลบฝน



ไหว้พระเสร็จก็เดินลงค่ะ





ไปไหว้พระมหาธาตุเจดีย์นภพลภูมิสิริ
สร้างถวายสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯพระบรมราชินีนาถ เนื่องในวโรกาสทรงเจริญพระชนมพรรษา
ครบ 5 รอบเมื่อปี พ.ศ. 2535



องค์เจดีย์ประดับโมเสกแก้วสีม่วงอมชมพู รูปทรง 12 เหลี่ยม มีความสูง 55 เมตร 
ยอดปลีล้อมด้วยกลีบดอกบัวตูม ประดับด้วยโมเสกแก้วสีทอง กั้นด้วยฉัตรสีเงิน 9 ชั้น





ภายในเจดีย์เป็นโถงเพดานสูง ตรงกลางประดิษฐานพระพุทธรูปปางรำพึง 
แกะสลักด้วยหินหยกขาวจากเมืองจีน สูง 3.2 เมตร ประทับยืนบนดอกบัว หนัก 5 ตัน



ฝนหยุดแล้ว ออกมาเดินเล่นในสวนด้านนอกค่ะ



ขับรถออกมาจากพระมหาธาตุฯ ตรง กม.ที่ 42 คือกิ่วแม่ปาน เป็นเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติระยะทางประมาณ 3 กม.ที่ระดับความสูง 2000 เมตร ถือเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นและชมวิวทะเลหมอกที่สวยงาม
แต่พวกเราขอขับผ่านเลยค่ะเพราะหมอกจัดมาก น่าจะเดินลำบาก




ขึ้นมาถึง กม.ที่ 46 ยอดดอยอินทนนท์ พวกเราอยู่ที่ระดับความสูง 2565 เมตรจากระดับน้ำทะเล




สูงสุดแดนสยาม







บนยอดดอยนี้เป็นที่ประดิษฐานพระสถูปของพระเจ้าอินทวิชยานนท์ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่องค์ที่ 7 
ผู้เป็นที่มาของชื่อดอยอินทนนท์แห่งนี้





ต้นไม้บนนี้สูงใหญ่มีมอส ตะไคร่น้ำเกาะอยู่มากมายเพราะแสงส่องลงมาน้อย
 ทำให้เหมือนป่าดึกดำบรรพ์



เดินตามสะพานไม้มาด้านหลังจะพบกับ "หมุดหลักฐานจุดสูงสุดแดนสยาม" 2565.3341 เมตร



มีคนมาโยนเหรียญเสี่ยงทายด้วยค่ะ




เวลา 12:00 น.เมื่อเช้าแม่ตุ๊กสั่งอาหารเที่ยงใส่กล่อง 3 กล่องมาจากโครงการหลวงค่ะ 
เพราะบนยอดดอยไม่มีร้านอาหาร พวกเราเลยนั่งกินข้าวเที่ยงในรถกัน



ทานอาหารเสร็จก็ขับรถลงจากยอดดอย ไปบ้านแม่กลางหลวง




ที่นี่เต็มไปด้วยทุ่งนาและโฮมสเตย์




หลังฝนหยุดตก อากาศสดชื่นเย็นสบาย




จุดเด่นของที่นี่คือนาข้าวขั้นบันได



เดินเข้าไปชมนาข้าวอย่างใกล้ชิด



มะปรางได้สัมผัสรวงข้าวจากต้นเป็นครั้งแรก



                         ช่วงเดือนกันยายน-กลางเดือนตุลาคม เป็นช่วงหน้าฝนต้นข้าวจะมีสีเขียวขจี




แต่ถ้ามาตอนปลายตุลาคม-ต้นพฤศจิกายน จะเป็นช่วงที่ต้นข้าวออกรวงเป็นสีทองเต็มท้องทุ่งนา






เดินลัดเลาะตามคันนา





นักท่องเที่ยวนิยมมาพักโฮมสเตย์กันค่ะ



เดินเล่น แวะทานขนมเสร็จก็ออกเดินทางลงจากดอยอินทนนท์กันค่ะ



เวลา 14:00 น.แวะไหว้พระที่ "วัดต้นเกว๋น" อ.หางดง จ.เชียงใหม่




เป็นวัดเก่าแก่สร้างขึ้นประมาณ พ.ศ.2399-2412 ต้นเกว๋น เป็นชื่อต้นไม้ที่ขึ้นอยู่ในบริเวณวัด 
จึงตั้งชื่อว่า วัดต้นเกว๋น ต่อมาเปลี่ยนชื่อใหม่ว่า วัดอินทราวาส




วัดต้นเกว๋นเป็นลักษณะสถาปัตยกรรมล้านนาที่งดงาม





เข้าไปไหว้ครูบาเจ้าศรีวิชัย



จุดเด่นที่สำคัญของวัดคือ วิหารไม้วัดต้นเกว๋น เป็นสถาปัตยกรรมล้านนาที่สมบูรณ์ที่สุด
และยังเป็นต้นแบบหอคำหลวงที่งานพืชสวนโลกด้วยค่ะ




วิหารนี้สร้างเมื่อ พ.ศ.2401 มีการแกะสลักลวดลายที่หน้าจั่วงดงาม





เข้าไปไหว้พระประธานด้านในวิหารค่ะ





จุดเด่นอีกอย่างของวัดนี้คือ ศาลาจัตรมุขที่พบเพียงหลังเดียวในภาคเหนือ




ศาลานี้เคยเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุจาก อ.จอมทอง ให้ประชาชนได้สรงน้ำสมโภช
ก่อนที่จะอัญเชิญเข้าเมืองเชียงใหม่




เวลา 15:00 น.เดินทางต่อมายัง อ.แม่ริม ผ่านที่ว่าการ อ.แม่ริมและค่ายดารารัศมีมาประมาณ 1 กม.
เลี้ยวซ้ายจะเห็นป้ายบอกทางมาวัดป่าดาราภิรมย์ ด้านหน้าวัดมีคลองชลประทานแม่แตง




ด้านหน้าทางเข้าวัดมีรูปปั้นสิงห์ขาวขนาดใหญ่สองตัว



เดินผ่านประตูเข้าไปทางซ้ายมือจะพบกับ พระวิหารหลวง
มีขนาดกว้าง 12 เมตร ยาว 46 เมตร สร้างในปี พ.ศ. 2542
เป็นศิลปล้านนา จำลองมาจากหอคำของเจ้าหลวงเชียงใหม่



เข้าไปไหว้พระด้านในพระวิหารกันค่ะ




พระประธานองค์สีทองทรงเครื่องในมณฑปปราสาท



ด้านหลังมีพระพุทธรูปพระพุทธเจ้าหลายปาง 28 พระองค์ 






พระอุโบสถ สร้างเมื่อ พ.ศ. 2521 มีขนาดกว้าง 17 เมตร ยาว 30 เมตร ประตูปิดเลยไม่ได้เข้าไปไหว้พระ






ตัวอุโบสถสร้างแบบศิลปล้านนา




ลวดลายปูนปั้นด้านหน้าดูสวยแปลกตามากค่ะ




เสนาสนะทั้งหมดสร้างด้วยงานปูนปั้นที่มีลวดลายสวยงาม เน้นสีขาวเป็นหลัก



พระธาตุเจดีย์พระพุทธบาทสี่รอย อยู่ข้างๆพระอุโบสถ






ภายในประดิษฐานรอยพระพุทธบาทสี่รอยจำลอง ศิลปสุโขทัยประยุกต์ 
ด้านในมีพระประธานพระนามว่า พระพุทธการุณกิตติคุณขจร



พระอุปคุตมหาเถระเจ้า



พระพุทธรูปในสวนสามองค์



สมเด็จพระนเรศวรมหาราช




ตรงกลางวัดมีมณฑปที่สวยงามและโดดเด่นมาก



มณฑปพระจุฬามณีศรีบรมธาตุ(หอแก้ว)




สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ประดิษฐานพระทันตธาตุเจ้า



ลักษณะเป็นมณฑปสี่เหลี่ยมจตุรัส กว้างด้านละ 21 เมตร สูง 4 ชั้น มีหลังคาซ้อนกัน 4 ชั้น 
ยอดมณฑปเป็นรูปทรงปราสาทเจดีย์ปิดทอง



บริเวณภายในวัดสะอาด และเงียบสงบมากๆค่ะ



เดินชมความงามจนรอบ ไหว้พระและทำบุญเสร็จก็ออกเดินทางต่อค่ะ




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น