2.พักที่"วิลล่าเขาแผงม้า"

วันที่ 17 มีนาคม 2554 เวลาประมาณ 15:00น.

พวกเราก็มาถึงที่พักของคืนนี้ค่ะ"วิลล่าเขาแผงม้า" สวยงามค่ะอยู่เลยทางขึ้นเขาแผงม้ามานิดนึง
เป็นรีสอร์ทที่มีมานานแล้วตั้งแต่วังน้ำเขียวเริ่มเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยว ลักษณะเป็นวิลล่าสไตล์
ไทย - บาหลี บนเนินเขาแผงม้าสีส้มๆสดใส พอขับรถเข้าประตูไปก็จะพบ ล็อบบี้อยู่ด้านหน้าบนเนินสูงๆ

มีที่นั่งพักผ่อนอยู่หลายแห่ง บ้านพักแต่ละหลังก็จะอยู่บนเนินเขา มีทางเดินราบอย่างดี เชื่อมต่อกันทุกหลัง

welcome drink ก็คือ...น้ำองุ่น...ของขึ้นชื่อของที่นี่อยู่แล้ว

พนักงานพาเดินไปที่พักค่ะ อากาศเย็นมากมาย

ถึงแล้วที่พักอยู่บนเนินสูงเชียวค่ะ ระเบียงด้านหน้าโปร่งสบายมองเห็นวิวกว้างไกล แต่ลมก็พัดมาหนาวมาก ต้นกัลปพฤกษ์ออกดอกชมพูสวยงาม

เป็นห้องพักแบบ deluxe (ขนาด 30 ตารางเมตร)รวมอาหารเช้า สำหรับ 2 ท่าน

มะปรางดีใจ...มีมุ้งด้วย คืนนี้จะได้ไม่หนาว

เตียงเดี่ยวขนาดไม่ใหญ่ ก็ดีคืนนี้จะได้เบียดกันให้อุ่นๆ

TV LCD 32นิ้ว พร้อมจานดาวเทียม(แต่รับช่อง 9 ไม่ได้ค่ะ) ,ตู้เย็น และ ชุดชากาแฟ

เครื่องทำน้ำอุ่น(LPG) เครื่องใหญ่และเสียงดัง

จะเห็นว่าอุณหภูมิในห้อง= 18 ํc (ไม่ได้เปิดแอร์นะคะ)เย็นสะใจจริงๆ

ห้องน้ำ open-air style ถ้าอากาศร้อนพวกเราคงมีความสุขมากเลย แต่นี่...เราจะอาบน้ำกันอย่างไรล่ะ

เก็บของเข้าที่พักเรียบร้อยพวกเราก็ออกไปขับรถเที่ยวกันก่อน กลับมาอีกทีก็มืดแล้วร่วม 1 ทุ่มค่ะ
หน้าห้องพักของเรา 101

มะปรางอยากออกมาเดินชมวิวยามค่ำคืน

ไม่มีคนออกมาเดินตากลมหนาวกันเลย มีแต่เรา2 แม่ลูก หนาวจนแสบจมูกหมดแล้ว

she ขอออกกำลังกายแก้หนาวค่ะ

เดินๆๆจนรอบรีสอร์ทก็ไม่มีคนเลย

ได้เวลาเข้านอนแล้วค่ะ good night

วันที่ 18 มีนาคม 2554

ตื่นเช้ามานั่งเล่นที่ระเบียงหน้าบ้านหมอกลงจัดมาก อุณหภูมิเช้านี้ประมาณ 14 ํc พอทนไหว
เมื่อคืนอากาศหนาวจัดพวกเราไม่เปิดแอร์ ปิดประตู-หน้าต่างแน่นสนิท กางมุ้งนอนห่มผ้าเบียดกันก็ยังหนาวแทบทนไม่ได้นอนหนาวอย่างทรมาน เหตุก็เพราะการมาเที่ยวครั้งนี้แม่ตุ๊กไม่ได้เตรียมเสื้อผ้าหนาๆมาเลยมีแต่ชุดบางๆรับฤดูร้อน(ยังดีมีเสื้อคลุมบางๆคนละตัวเท่านั้น)


ตื่นเช้ากันแล้ว ก็ล้างหน้าแปรงฟัน ไปทานอาหารเช้าเลยดีกว่าที่ห้องอาหารวาน่า บากุส(wana bagus) ภายในวิลล่าเขาแผงม้า บนเนินเขา

เป็นบุฟเฟต์เล็กๆ ไม่ค่อยมีคนมาเลย คงยังไม่ตื่นกันหน่ะ

คุณป๋าทานผัดซีอิ้ว

ข้าวต้มเห็ดหอม คนละถ้วย(อร่อยดี)

ของมะปรางเขาคิดค่าอาหารเพิ่มอีก100กว่าบาท(ทานไม่ค่อยได้เท่าไร)

ทานเสร็จก็ออกมาเดินเล่นชมรอบๆรีสอร์ทดีกว่าค่ะ

อากาศสดชื่นมาก เขาถึงพูดกันว่า "วังน้ำเขียวเป็นแหล่งโอโซนอันดับที่ 7 ของโลก"

มีมุมนั่งเล่นกระจายอยู่ทั่วๆรีสอร์ท ทั้งบนเนินเขาและริมน้ำ เหมาะแก่การมาพักผ่อน

แม่ตุ๊กชอบดอกไม้นี้มาก เห็นครั้งแรกที่พระตำหนักภูพิงค์ ออกดอกมากมายตามทางเดิน

ทางขึ้นห้องประชุมปารุมัน บากุส(paruman bagus)

มีนกน้อยขดหนาวอยู่ที่พื้น(สงสัยมันบินไม่ไหว) เราเดินเข้าไปใกล้ๆมันก็ไม่หนี

มองจากระเบียงจะเห็นสระว่ายน้ำอยู่ด้านล่างค่ะ

ไม่มีคนมาใช้บริการ..แน่นอน

มะปราง..แสนเสียดาย เตรียมชุดว่ายน้ำมาพร้อม แต่แม่ไม่ยอมค่ะ.....

สระว่ายน้ำเป็นแบบ infinity pool

she ลองเอามือจุ่มน้ำแล้วบอกว่า "น้ำอุ่นจัง!!!!"

ด้านหลังเป็นวิลล่าส่วนตัว

ตรงนี้ก็เป็นที่พักด้วยนะคะ ห้องกว้างดี

มีทางเดินไปรอบๆ

อันนี้เป็นซุ้มดอกไม้..สีแปลกและสวยมากเป็นพวงใหญ่ๆห้อยเต็มไปหมด

บ้านพักแต่ละหลังจะอยู่เป็นคู่ๆบนเนินสูงบ้าง-ต่ำบ้าง เดินเมื่อยเหมือนกัน

ตกแต่งแปลกๆดี

ในกล่องมีอะไรอยู่เอ่ย?

บ้านพักหลังนี้ใหญ่มาก อยู่ด้านหน้าสุด เมื่อคืนมะปรางเห็นมีคู่บ่าว-สาวด้วยล่ะ

นี่ก็เป็นห้องพัก 3 ห้องติดกัน

อากาศสดชื่นเย็นสบาย เจ้าเด็กน้อยร่าเริง..สุดขีด

ได้เวลาไปอาบน้ำ เพื่อออกเดินทางกันต่อค่ะ

เดี๋ยวตามพวกเราขับรถไปเขาใหญ่กันนะคะ