TUKEMD

__TUKEMD__ชื่อบ้าน อ่านว่า ตุ๊ก-เอ็ม-ดี นะจ๊ะ เป็นชื่อในเน็ตของแม่ตุ๊กเองค่ะ

บ้านหลังน้อย หลังนี้เป็นของแม่ตุ๊ก,น้องมะปราง และ คุณป๋า

เป็นบล็อกเพื่อบันทึกความสุข ความทรงจำ ในการท่องเที่ยวที่ต่างๆของครอบครัวเราค่ะ



2561/05/03

3.Hallsatatt เมืองริมทะเลสาบ ฮัลล์สตัทท์ ออสเตรีย

วันอังคารที่ 20 มีนาคม 2561

เวลา 13:30 น.ออกเดินทางจากเมืองซาลซ์บวร์ก ลงใต้เพื่อไปเมืองฮัลล์สตัทท์
 ระยะทางประมาณ 70 กม. ใช้เวลา 1.5 ชม.


มีหิมะตลอดการเดินทาง  ตอนนี้เริ่มเข้าสู่ภูมิภาค Salzkammergut


ทะเลสาบฮัลล์สตัทท์ : Lake Hallstatt : Hallstatter Sea


เวลา 15:00 น. เดินทางถึงเมืองฮัลล์สตัทท์ 
อยู่ในรัฐ Upper Austria ซึ่งเป็น 1 ใน 9 รัฐของประเทศออสเตรีย

Hallstatt เป็นเมืองท่องเที่ยวเล็กๆ อยู่ทางฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของ Hallstatter Sea


หิมะกำลังตกหนักและมีลมพัดจากทะเลสาบ หนาวจับใจเลยค่ะ


ฮัลล์สตัทท์ได้ชื่อว่าเป็นเมืองริมทะเลสาบที่สวยที่สุดในโลก

ซูมๆมองเห็นยอดโบสถ์อยู่ไกลๆ

บริเวณนี้เป็นลานจอดรถ อาคารไม้ด้านหลังคือ Hallstatt Tourism Office


ดูแผนที่ประกอบการเดินชมเมือง พวกเราจะเดินขึ้นไปทางเหนือ เพื่อไปถ่ายรูปที่โบสถ์ก่อนค่ะ 
แล้วค่อยแวะที่ต่างๆตอนเดินกลับมา

รีบเดินไปที่จุดชมวิว แวะถ่ายรูประหว่างทางนิดหน่อย

จุดหมายคือโบสถ์ด้านหน้า

มาถึงแล้วค่ะ "มุมมหาชน" ระยะทางจากที่จอดรถมาถึงตรงนี้ประมาณ 1 กม.
เหนื่อยและหนาวมากค่ะเพราะต้องเดินขึ้นเนินและหิมะก็ยังตกไม่หยุด


พอได้เห็นวิวแล้วหายเหนื่อยค่ะ ถ่ายรูปกันแบบรัวๆ


เมืองนี้สวยทุกฤดู ตอนนี้ก็สวยแบบหน้าหนาวมีหิมะขาวๆ 
เมืองฮัลล์สตัทท์และเขตภูมิภาคซาลซ์คัมเมอร์กุทได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกในปี 1997

ยังไม่มีนักท่องเที่ยวขึ้นมา พวกเราเลยถ่ายรูปได้อย่างสบายใจ555


Classic Village Viewpoint


พวกเราเก็บภาพตรงนี้ร่วมร้อยรูปเลยค่ะ (3 กล้อง 3 มือถือ) เพราะคงอีกนานกว่าจะได้กลับมาที่นี่อีกครั้ง

Postcard Angle




เริ่มมีนักท่องเที่ยวขึ้นมาแล้วค่ะ ทั้งไทย จีน ญี่ปุ่น เกาหลี



ได้เวลาไปเที่ยวที่จุดต่อไปแล้วค่ะ เดินย้อนกลับทางเดิม




ถนนสายนี้ชื่อ Gosaumühlstraße เดินตามทางลงเขาไปเรื่อยๆ

บันไดขวามือคือทางขึ้นไบน์เฮาส์ และโบสถ์คาทอลิก

ทางขึ้นค่อนข้างสูง แคบและชัน ยิ่งมีหิมะแบบนี้จะลื่นมาก 


ด้านบนนี้ไม่มีคนขึ้นมาเลยค่ะ

 Katholische Pfarre Hallstatt : โบสถ์คาทอลิกประจำเมือง

โบสถ์นี้เริ่มสร้างตั้งแต่ปี 1181 ในสไตล์โรมาแนสก์ ต่อมาก็มีการปรับเปลี่ยนไปจนเป็นสไตล์โกธิค 
การก่อสร้างใช้เวลานานมากเพราะสร้างบนไหล่เขาสูงชัน จนเสร็จสมบูรณ์ในปี 1505

มีรูปปั้นพระเยซูอยู่เหนือทางเข้าโบสถ์
โบสถ์จะเปิดทุกวันในเดือนพฤษภาคม-ตุลาคม ไม่เสียค่าเข้าชม

ตอนนี้โบสถ์ปิดค่ะ อันนี้คือรูปภายในโบสถ์จาก wikipedia

เดินชมรอบๆโบสถ์ด้านนอก


จากบนนี้มองเห็นโบสถ์โปรแตสแตนท์ด้านล่างชัดเจน

ลานด้านหน้าโบสถ์เป็นระเบียงชมวิวทะเลสาบ



Cementery : ลานหินด้านข้างโบสถ์มีสุสานวางเรียงรายกันหนาแน่นมากกว่าร้อยหลุม

อาคารขนาดเล็กที่แยกออกมาจากโบสถ์ก็คือ ไบน์เฮาส์


Beinhaus : Bone House in Michael's Chapel
โรงเก็บกระดูกของโบสถ์นักบุญไมเคิล

ภายในเป็นที่เก็บหัวกะโหลกมากกว่า 1,200 กะโหลก ส่วนใหญ่เป็นคนที่เสียชีวิตในศตวรรษที่ 18-19 มีการขุดโครงกระดูกขึ้นมาจากหลุมแล้วเอากะโหลกมาเก็บไว้ที่นี่ เพราะต้องมีการเวียนใช้หลุมฝังศพให้กับคนที่เพิ่งตาย สุสานนี้มีกฎว่าให้ฝังได้ไม่เกิน 10-15 ปี เนื่องจากปัญหาการมีพื้นที่จำกัด และสมัยนั้นไม่อนุญาตให้มีการเผาศพ

เสียค่าเข้าชมคนละ 1.5 ยูโร แต่ตอนนี้ปิดค่ะ


ถ้าเปิดประตูเข้าไปจะพบกับภาพด้านในแบบนี้ค่ะ
ภาพจาก https://www.hallstatt.net/

รูปถ่ายที่ติดไว้หน้าไบน์เฮ้าส์


ด้านในมีหัวกระโหลกจำนวนมากมาย มากกว่าครึ่งมีการวาดลวดลายลงบนกะโหลกด้วยค่ะ
กะโหลกชิ้นสุดท้ายที่นำมาเก็บคือในปี 1995 เพราะปัจจุบันมีการเผาศพกันแล้ว


สุสานวางเรียงรายเป็น 2 ระดับ แต่ละแปลงก็มีต้นไม้และดอกไม้เล็กๆประดับสวยงาม


เดินลงมาด้านล่างจะพบกับป้ายบอกทาง เหมือนทางที่ต้องขึ้นเขาไปอีก


แหงนมองขึ้นไปเห็นโบสถ์ตั้งอยู่ริมหน้าผาสูงชัน

เดินลงมาจนสุดถนน Gosaumühlstraße แล้วเลี้ยวซ้ายมายืนอยู่บริเวณท่าเรือ


มองขึ้นไปเห็นโบสถ์ที่หน้าผาชัดเจน เห็นการตกแต่งสไตล์โกธิคโดยมีหน้าต่างทรงแคบสูง

ด้านหลังคือร้านอาหารและโรงแรม



Boat Rental Office ที่นี่มีบริการให้เช่าเรือลำเล็กๆไว้พายเล่นในทะเลสาบ คนมักนิยมเช่าเรือรูปหงส์


บริการนี้จะเปิดในเดือนเมษายน-กันยายน ค่าเช่ามีหลายราคาตามขนาดและชนิดของเรือ 
ประมาณชั่วโมงละ 11-18 ยูโร


เดินเลยมานิดเป็นท่าเรือเฟอร์รี่ Stefanie Ferry Boat Dock (Schiffstation)
สำหรับคนที่เดินทางโดยรถไฟแล้วลงที่ฝั่ง Obertraun  จะต้องข้ามเรือเฟอร์รี่เพื่อมาเมืองนี้

จากท่าเรือมองไปจะเห็นด้านข้างของโบสถ์ มีหอนาฬิกาสูงโดดเด่น

ตรงนี้เป็นมุมถ่ายรูปโบสถ์ได้ชัดและสวยที่สุด

แผนที่เมืองฮัลล์สตัทท์


เมื่อเดินตรงขึ้นมาจากท่าเรือขึ้นมาจะพบกับโรงแรมและร้านอาหาร

Heritage Hotel Hallstatt


ลานกว้างรอบๆโบสถ์คือ Landungsplatz เข้าไปชมด้านในโบสถ์กันค่ะ

Evangelische Pfarrkirche Hallstatt เป็นโบสถ์โปรแตสแตนท์ประจำเมือง



ด้านในโบสถ์มีขนาดไม่ใหญ่ แต่อบอุ่นมากๆค่ะ


โบสถ์เริ่มสร้างเมื่อปี ค.ศ.1785 ตอนแรกเป็นเพียงอาคารหลังเล็กๆเรียกว่า Prayer House

ประวัติเมืองฮัลล์สตัทท์ตั้งแต่สมัยโบราณที่ยังใช้เรือในการสัญจร

โบสถ์นี้ได้รับการก่อสร้างใหม่ในปี 1859-1963 มีขนาดใหญ่ขึ้นและมีหอนาฬิกาด้วย
ด้านในโบสถ์ตกแต่งด้วยไม้เรียบง่าย เพดานก็เป็นไม้หมดเลยค่ะ หน้าต่างทรงสูงสไตล์นีโอโกธิค

ออกจากโบสถ์ก็เดินลงใต้ไปตามถนน มีร้านคาเฟ่และร้านขายของที่ระลึกสองข้างทาง

ในซอยเล็กๆก็ยังมีโรงแรมอีกมากมาย

ธารน้ำเล็กๆไหลจากภูเขาลงสู่ทะเลสาบ

เดินเลยโบสถ์มาจะเห็นอาคาร 3 ชั้นสีเหลืองสดใสคือโรงแรมชื่อดังของเมือง ราคาค่อนข้างสูง
ด้านหลังมีระเบียงชมวิวทะเลสาบ และเป็นร้านอาหารหรูหรา
Seehotel Grüner Baum Boutiquehotel am Hallstättersee

Gasthof Grüner Baum : Imperial and royal accommodation of  salt manufactures of Wagendorf.

Market Square : Marktplatz
ฝั่งตรงข้ามโรงแรมคือ จตุรัสกลางเมืองเก่า 
ด้านหน้าจตุรัสมีอนุสาวรีย์ Statue of Holy Trinity ตอนนี้มีไม้ปิดคลุมอยู่เพราะหิมะตกมาก

รอบๆจตุรัสเป็นร้านอาหาร ร้านขายของ และที่พัก

ข้างหลังอนุสาวรีย์เป็นน้ำพุเล็กๆ ตอนนี้ก็ปิดไว้เหมือนกันค่ะ

จตุรัสนี้มีความสำคัญเพราะเมื่อก่อนเป็นศูนย์กลางการค้าขายเกลือ และสินค้าอื่นๆ
ปัจจุบันไม่มีการค้าขายแบบนั้นแล้ว แต่ก็ยังเป็นศูนย์กลางของเมืองนี้เหมือนเดิม

คนนิยมมาชมความงามของอาคารรอบๆจตุรัส ทุกหลังมีการตกแต่งที่เป็นเอกลักษณ์



เดินออกจากจตุรัส มองกลับไปเห็นโบสถ์ อาคารด้านขวามือคือ Gasthof Simony

อาคารนี้เป็น Guest house และเป็นร้านอาหาร เดินเข้าไปด้านในมีระเบียงติดทะเลสาบ
และมีเรือแคนูไว้บริการผู้มาพัก

ที่ชั้นล่างของอาคารนี้ยังเป็นสถานที่เช่าชุดพื้นเมืองเพื่อไปถ่ายรูปบริเวณทะเลสาบด้วยค่ะ
Dirndl-To-Go Rentals

ตอนนี้พวกเราอยู่บนถนน Seestraße ซึ่งเป็นถนนสายหลักของเมือง

ภูเขาขนาดใหญ่ด้านหลัง คือ Salt Moutain (Salzburg)

เดินผ่านซุ้มโค้งไปพิพิธภัณฑ์

Hallstatt City Museum : Stadtmuseum
พิพิธภัณฑ์นี้เริ่มก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ.1884 และเปิดให้คนทั่วไปเข้าชมในปี 2002


เปิดทุกวัน ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่คนละ 7.5 ยูโร

ด้านในมีการจัดแสดงของเก่าที่มีอายุมากกว่า 7000 ปี
The World Heritage museum of Hallstatt.


พิพิธภัณฑ์นี้ตั้งอยู่เชิงเขาของเหมืองเกลือ


เดินลงเนินด้านหน้าพิพิธภัณฑ์

มีทั้งร้านอาหารและที่พัก

 Pension Hallberg Hotel

เบียร์ยี่ห้อดังของสาธารณรัฐเชค ชื่อของเบียร์มาจากชื่อเมือง Ceske Budejovice


 เราสามารถเดินขึ้นเขาไปตามถนนเพื่อชมความงามของบ้านที่สร้างอยู่ตามไหล่เขาได้

เดินออกมาสู่ถนนหลัก อาคารทางขวามือคือไปรษณีย์ : Post Partner

บ้านเรือนสร้างลดหลั่นตามริมเขา เนื่องจากเมืองนี้มีที่ราบน้อย
และเพื่อความสะดวกในการเดินทางทางน้ำเพราะสมัยก่อนยังไม่มีถนนคนยังใช้เรือเป็นหลัก



บริเวณนี้เป็นท่าเรืออีกแห่ง

Tightly stacked timber homes
บ้านไม้หลังเล็กๆสร้างติดกันหนาแน่น



Salzkontor Natursalz-Shop


ด้านในขายสินค้าที่ทำจากเกลือธรรมชาติ มีหลากหลายอย่างเพราะเมืองนี้เป็นแหล่งผลิตเกลือ


Bräugasthof Restaurant & Guesthouse

บ้านหลายหลังสร้างยื่นไปในทะเลสาบ


มองย้อนกลับไปเห็นยอดโบสถ์




ระหว่างทางเดินก็จะมีระเบียงชมวิวยื่นไปในทะเลสาบหลายอัน แวะถ่ายรูปได้ตลอดทาง

Lake Hallstatt Stroll ถนนทางเดินแนวยาวข้างซ้ายติดทะเลสาบ ข้างขวาติดบ้านตามไหล่เขา




บริเวณนี้ก็เป็นจุดชมวิวอีกแห่ง เห็นวิวทะเลสาบแบบพานอรามา



มีม้านั่งตลอดแนว ถ้าอากาศดีๆคนจะมานั่งเล่นเยอะมาก


โรงแรมและที่พักบนเขามองเห็นวิวสวยมาก


ถนน Seesstrasse เป็นถนนสายหลักของเมือง มีความยาวเลียบตลอดแนวทะเลสาบร่วม 1 กม.

บ้านที่อยู่ริมทะเลสาบสวยน่ารักทุกหลังเลยค่ะ และยังมีหลังคาสีขาวทุกหลังด้วย55



ตอนนี้หิมะหยุดตกแล้วค่ะ อากาศกำลังเย็นสบาย




ร้านอาหารริมทะเลสาบ


ต้นไม้เกาะติดผนังบ้านแบบนี้มีหลายหลัง ดูเป็นเอกลักษณ์ของเมืองเลยค่ะ 
บางหลังติดป้ายห้ามถ่ายรูปด้วยนะคะ


ร้านขายของที่ระลึกมีให้เห็นตลอดทางเดิน




หลังนี้ก็เป็นร้านขายของฝาก ของที่ระลึก แค่หน้าร้านก็น่ารักมากมาย


เดินมาจนสุดถนน Seestraβe แล้วค่ะ


กลับมายืนที่จุดเริ่มต้น บริเวณศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยว และท่ารถ


ATO Hallstatt Lahn (Schiffstation)



Hallstatt Lahn Viewpoint

ปกติบริเวณนี้จะเห็นหงส์มาเล่นน้ำนะคะ แต่ตอนนี้น้ำเย็นจัดเลยมีแต่เป็ดออกมาว่ายน้ำหาอาหาร


พวกเราใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง เดินเล่นในเมืองนี้จนครบ
 แต่ถ้าจะขึ้นไปชมเหมืองเกลือด้านบนคงต้องมีเวลามากกว่านี้ค่ะ

อาคารชั้นเดียวข้างหน้าคือซุปเปอร์มาร์เก็ต Nah&Frisch 
ส่วนอาคารสีเหลืองหลังใหญ่ทางซ้ายมือคือ Technical College

เวลา 17:00 น.ออกเดินทางจากฮัลล์สตัทท์


เวลา 18:30 น.แวะพักรถที่เมือง Ansfelden พระอาทิตย์ตกดิน ท้องฟ้าสีสวยมากๆค่ะ 
เข้าห้องน้ำ ซื้อขนมทานแล้วเดินทางต่อ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น