TUKEMD

__TUKEMD__ชื่อบ้าน อ่านว่า ตุ๊ก-เอ็ม-ดี นะจ๊ะ เป็นชื่อในเน็ตของแม่ตุ๊กเองค่ะ

บ้านหลังน้อย หลังนี้เป็นของแม่ตุ๊ก,น้องมะปราง และ คุณป๋า

เป็นบล็อกเพื่อบันทึกความสุข ความทรงจำ ในการท่องเที่ยวที่ต่างๆของครอบครัวเราค่ะ



2561/04/02

2.Prague เดินเล่นในปราก สาธารณรัฐเชค

วันพุธที่ 21 มีนาคม 2561

เวลา 10:30 น.เดินทางออกจากเชสกี้ ครุมลอฟ ไปยัง กรุงปราก เมืองหลวงของเช็คเกีย ระยะทาง 170 กม. ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
เวลา 12:00 น.แวะพักระหว่างทางเพื่อเข้าห้องน้ำ


อุณหภูมิตอนนี้ประมาณ 6 องศา แดดออก หิมะเริ่มละลายแล้วค่ะ




เวลา 13:00 น.เดินทางถึงกรุงปราก เมืองหลวงของสาธารณรัฐเชค


ที่นี่อากาศดีมากๆเลยค่ะ อากาศยังหนาวแต่ไม่มีหิมะ เหมาะกับการเดินเล่นที่สุด

บ่ายโมงกว่าๆเริ่มหิวแล้ว ไปทานอาหารเที่ยงกันก่อนค่ะ


ร้านอาหารจีน



ทานอาหารเสร็จก็เดินเล่นชมเมือง

มีแต่ตึกเก่าสีสวยๆทั้งเมืองเลยค่ะ



การคมนาคมในตัวเมืองนิยมใช้รถรางเป็นหลัก เพราะไปได้ทั่วทั้งเมือง


เวลา 14:30 น.เดินทางไปชมปราสาทปรากกันค่ะ ตรงทางเข้าคิวยาวมากๆ เพราะมีการตรวจกระเป๋าอย่างละเอียด ห้ามมีโลหะอยู่ในตัวเลยแม้แต่เศษเหรียญ


เวลา 15:00 น. ในที่สุดพวกเราก็ผ่านด่านเข้ามาในเขตปราสาทเรียบร้อย


ด้านหน้าที่เห็นคือมหาวิหารเซนต์วิตุส : St.Vitus Cathedral


จุดชมวิวและถ่ายรูปมหาวิหาร ยอดหอคอยคู่ปลายแหลมโดดเด่น

กินเนตส์บุ๊คได้บันทึกว่า ปราสาทปรากเป็นปราสาทที่มีการเชื่อมโยงกันระหว่างส่วนประกอบต่างๆ
ของปราสาทที่ใหญ่และซับซ้อนที่สุดในโลก มีพื้นที่ทั้งหมด 70,000 ตารางเมตร


อาคารข้างหน้าคือห้องแสดงงานศิลปะ 
ตรงทางเข้าเขตปราสาทกำลังมีการเปลี่ยนเวรทหารวังพอดีเลยค่ะ


เครื่องแบบทหารฤดูหนาว


มะปรางขอถ่ายรูปคู่หน่อยค่ะ ทหารตัวสูงมากๆ


เดินเข้ามาสู่ลานกว้างด้านใน อาคารรอบๆนี้คือปราสาทปราก
 โดมสีขาวทางซ้ายคือ Chapel of the Holy Cross

Kohl 's Fountain 

เดินผ่านอาคารทางซ้ายมือ จะพบกับด้านหน้าของมหาวิหาร


ยอดหอคอยคู่สูงมากจนต้องแหงนคอมอง

มหาวิหารสไตล์โกธิคที่ใหญ่ที่สุดในเช็คเกีย


ลวดลายสลักด้านหน้าละเอียดงดงามมากๆ
รอบๆวิหารมีรูปปั้นตัวการ์กอยส์เป็นรางระบายน้ำยื่นออกมา

เข้าไปชมด้านในวิหารกันค่ะ ชมฟรี



ด้านในโบสถ์มีสีสะท้อนจากกระจกทำให้บรรยากาศดูแปลกตา

โบสถ์นี้สร้างขึ้นตั้งแต่ ค.ศ.925 โดยเจ้าชายเวนเชสลาสเพื่ออุทิศให้แก่เซ็นต์วิตุส
และมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงหลายครั้ง จนเสร็จสมบูรณ์ ในปี ค.ศ.1929


เดินชมความงามภายในวิหารได้โดยรอบ แต่ห้องใต้ดินและหอคอยต้องเสียค่าเข้าชมค่ะ


ผนังด้านข้างประดับด้วยกระจกและหินหลากสีสัน ผลงานของ Alphonse Mucha


หินสีแดงและแร่ควอตซ์สีม่วง ประดับเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพระเยซูและศาสนา


แสงแดดที่ส่องเข้าในวิหารจะมีสีแดงผสมม่วง

 Rose Window : หน้าต่างกุหลาบ อยู่เหนือประตูทางเข้าด้านหน้าระหว่างหอคอย


เดินออกจากวิหารแล้วเลี้ยวขวาอ้อมไปด้านหลังค่ะ


บริเวณนี้เป็นจุดชมวิหารแบบมุมกว้าง


ทหารเดินตรวจความปลอดภัยให้นักท่องเที่ยว


The Golden Portal : ประตูทองคำ เป็นประตูทางเข้าออกของเดิม ตั้งอยู่ทางทิศใต้
ด้านบนตกแต่งด้วยกระเบื้องโมเสคเป็นรูป The Last Judgement สร้างปี ค.ศ.1370


หอคอยทางด้านนี้ตกแต่งสไตล์เรอเนสซองส์

หอคอยของวิหารมี 2 แบบ  2 สไตล์



St.George Statue


เสา Obelisk  อยู่ด้านหน้า  Old Canonry

อาคารทางด้านขวามือคือ Old Royal Palace ด้านหลังวังเก่านี้จะติดกับสวนของวัง
และที่นี่ยังเป็นสถานที่เกิดเหตุการณ์ " โยนคนออกนอกหน้าต่างแห่งกรุงปราก" 
ซึ่งเป็นต้นเหตุของสงคราม 30 ปี ที่ลุกลามไปทั่วยุโรป


เดินย้อนกลับมาทางเดิมตรงลานกลางปราสาท



น้ำพุตั้งอยู่ตรงกลางลาน ในฤดูหนาวจะไม่มีการเปิดน้ำพุเลย

เดินอ้อมมาด้านหน้าปราสาทปราก Prague Castle : Hradcany Castle
ปัจจุบันที่นี่ใช้เป็นทำเนียบประธานาธิบดีสาธารณรัฐเชค

รูปปั้นหินไททันหน้าประตูทางเข้าหลัก : Battling Titans
สร้างในสมัยจักรพรรดินีมาเรีย เทเรซา ศตวรรษที่ 18


ตอนนี้เวลา 16:00 น.ยืนรอดูพิธีเปลี่ยนเวรทหารยามที่ประตูนี้กันค่ะ


พิธีนี้จะทำทุกต้นชั่วโมงที่บริเวณจตุรัส 


จตุรัสหน้าปราสาท : Hradcanske Namesti รอบๆมีสถานที่สำคัญหลายอย่าง
ด้านหลังคือวิวกรุงปรากแบบพานอรามา

รูปปั้นประธานาธิบดีคนแรกของเชคโกสโลวาเกีย : Tomas Garrigue Masaryk


Roman Catholic Archdiocese of Prague


เดินเล่นถ่ายรูปรอบๆจตุรัสแล้วก็ไปจุดชมวิวเมืองปรากกันค่ะ

ในร้านสตาร์บัคส์ก็เป็นจุดชมวิวด้วยค่ะ

วิวเหนือกรุงปราก ที่นักท่องเที่ยวทุกคนต้องมาชม


ยอดโดมสีเขียวโดดเด่นคือ Church of St.Nicolas


วันนี้พวกเราโชคดีที่สุดที่ได้เห็นบ้านเมืองของเช็คเกียในสองบรรยากาศ
คือทั้งตอนมีหิมะที่เชสกี้ครุมลอฟ และตอนแดดออกที่กรุงปราก

ในเขตนี้บ้านเรือนส่วนมากจะหลังเล็กๆสีขาวๆเหลืองๆมีหลังคาสีส้มเรียงรายกันอย่างแออัด




ด้านล่างมีสวนหย่อมเล็กๆ ส่วนไกลๆที่เป็นตึกสูงคือเขตเมืองใหม่


เดินเล่นถ่ายรูปเสร็จก็ลงจากปราสาทเราจะไปสะพานชาร์ลกัน 
ระยะทางประมาณ 1 กม. เดินลงจะได้แวะถ่ายรูปตลอดทาง


บันไดหินเก่าของปราสาท : Stare zamecke schody
ด้านหลังกำแพงทางซ้ายมือคือสวนของปราสาท : Paradise Garden


ระหว่างเดินลงก็ได้ชมวิวเมืองสวยๆไปตลอดทาง

เดินลงไปเรื่อยๆจนสุดกำแพง จะมีร้านค้ามากมายทั้งสองข้างทาง 

บันไดทางลงจากปราสาทมีระยะทางประมาณ 200 เมตร แล้วเลี้ยวขวาไปตามทางซอยเล็กๆ

ซอยเล็กๆนี้มีร้านขายของที่ระลึกหลายร้าน ราคาไม่แพงค่ะ


เดินตรงไปจนสุดจะพบกับลานกว้างๆทางซ้ายมือ


เข้าสู่จตุรัส : Malostranke Namesti

เห็นโบสถ์เซนต์นิโคลัสแล้วค่ะ ยอดหอคอยสีเขียวเด่น


ตรงนี้คือจตุรัสฝั่งตะวันตก มีเสาโอเบลิสก์(Column of the Holy Trinity) ตั้งอยู่หน้าทางเข้าโบสถ์ 
ต้องเสียค่าเข้าชมโบสถ์ค่ะ

ตรงข้ามกันคือพระราชวังลิคเคนชไตน์ (Lichtenstein ) 
เป็นอาคารสีเหลืองครีมหลัวคาสีส้มแดง หน้ามุขแบบนีโอคลาสสิค


เลี้ยวซ้ายผ่านหน้าโบสถ์เข้าสู่จตุรัสฝั่งตะวันออก บริเวณนี้จะเป็นป้ายรถรางและรถโดยสาร
มีร้านอาหาร ร้านกาแฟมากมาย มีคนพลุกพล่าน

อาคารรอบๆจตุรัสสวยงามทุกหลัง

เดินตรงไปตามถนน Motecka ซึ่งเป็นถนนสายหลักสุดทางที่สะพานชาร์ล

รถรับจ้างขับพาชมเมือง เปิดประทุนได้ด้วยน่านั่งมากๆค่ะ


ของที่ระลึกของเมืองนี้คือตุ๊กตาหุ่นกระบอก ( Marionettes) มีเชือกให้ชักใยได้ หลายแบบหลายราคา

ตุ๊กตาแม่ลูกดกของรัสเซียก็มีมากมาย


ร้านขนมขึ้นชื่อของเช็คเกียค่ะ แต่ละร้านคนยืนต่อคิวกันยาวมาก 


Lesser Town Bridge Tower เดินผ่านซุ้มประตูนี้ไปก็ถึงสะพานแล้วค่ะ

พอเดินขึ้นสะพาน จะพบกับรูปปั้นของนักบุญและพระเยูซู


สะพานพระเจ้าชาร์ล : Charles Bridge : ภาษาเช็คเรียก Karluv Most
ตั้งชื่อตามนามของพระเจ้าชาร์ลที่ 4 สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1357 เพื่อทดแทนสะพานเก่าที่พังลง


สองข้างทางมีคนเอาของมาวางขายมากมาย




สะพานนี้ยาวประมาณ 515 เมตร กว้าง 9.5 เมตร ข้ามแม่น้ำวัลตาวา


ปลายสะพานฝั่งที่พวกเราเดินมาจะมีหอคอยตั้งคู่กัน 2 อัน
 หอคอยอันเตี้ยเป็นของสะพานเดิมที่หลงเหลืออยู่ ( Judith Bridge) ส่วนอันสูงสร้างพร้อมสะพานใหม่


สิ่งที่โดดเด่นมากบนสะพานนี้คือ รูปปั้นนักบุญและบุคคลสำคัญทางศาสนา
ตั้งอยู่บนราวสะพานทั้งสองด้านประมาณ 30 รูป ตลอดความยาวของสะพาน


รูปปั้นส่วนมากสร้างขึ้นมาใหม่แทนของเดิมที่นำไปเก็บไว้ที่พิพิธภัณฑ์หลายแห่ง


แม้จะเป็นของใหม่แต่เมื่อเวลาผ่านไปก็ทำให้รูปปั้นดูเหมือนของเก่าที่งดงาม


วิวแม่น้ำทางฝั่งขวาของสะพาน

วิวทางฝั่งซ้ายของสะพาน

รูปปั้นเซ็นต์จอห์นแห่งเนโปมุก : St.John of Napomuk
เป็นรูปปั้นของเดิม ในปี ค.ศ.1683 ได้นำมาตั้งไว้ในจุดที่เชื่อว่าร่างของท่านถูกโยนลงแม่น้ำ

คนนิยมใช้มือลูบภาพนูนต่ำทองเหลืองใต้รูปปั้นของท่านจนมันวาว เพื่อขอพรให้โชคดี


ช่วยกันลูบๆ จะได้โชคดีค่ะ


ยังมีคนมาคล้องกุญแจคู่รักด้วยนะคะ55




จากมุมนี้มองเห็นปราสาทปรากบนเนินข้างหน้าด้วยค่ะ

ข้างหน้าคือสะพาน Manes Bridge


Crucifix : รูปปั้นพระเยซูบนไม้กางเขน
เป็นรูปปั้นของเดิมที่เก่าแก่ที่สุด ตั้งอยู่คู่สะพานมาตั้งแต่ ค.ศ.1629



Stare Mesto Bridge Tower
หอคอยฝั่งนี้มีขนาดใหญ่กว่าฝั่งที่เราผ่านมา 


หอคอยนี้เป็นพิพิธภัณฑ์และสามารถขึ้นไปชมวิวด้านบนได้ค่ะ

ลงจากสะพานแล้วเลี้ยวซ้ายไปที่จุดชมวิวก่อนค่ะ

รั้วเหล็กเป็นแนวยาวเลียบแม่น้ำวัลตาวา ยังมีการมาคล้องกุญแจคู่รักด้วยค่ะ

จากจุดนี้จะมองเห็นทั้งสะพานและปราสาทปราก
ตอนนี้เวลา 17:00 น.พระอาทิตย์กำลังส่องมาเต็มๆ

วิวทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำวัลตาวา จะเห็นว่าปราสาทปรากมีขนาดใหญ่มากๆ


มองหันหลังกลับไปเป็นจตุรัสเล็กๆชื่อ Krizovnicke namesti ( Knight of the Cross Square)
ด้านซ้ายมือคือพิพิธภัณฑ์และโบสถ์คาทอลิก ตรงกลางคือ Church of St.Salvator
ขวามือคือ Torture Museum


  Charles Bridge Museum and St.Francis of Assissi Church

Monastery of the Knight with the Red Star


เดินต่อไปยัง Old Town Square ระยะทางประมาณ 600 เมตร

เดินไปตามถนนสายหลัก Karlova Ulice มีแต่อาคารสวยงามทุกหลัง



ร้านขนมประจำชาติ

โรงแรมก็สวย

เดินจนสุดถนนจะพบกับลานกว้าง

Little Square เป็นจตุรัสเล็กๆแต่มีพื้นที่เป็นรูปสามเหลี่ยม 
อาคารที่รายล้อมมีหลายรูปแบบทั้งแบบโกธิค บาโรค เมื่อก่อนบริเวณนี้เคยเป็นตลาด

น้ำพุอยู่ตรงกลางจตุรัส เป็นรูปแบบเรเนซองส์สมัยศตวรรษที่ 16


The Rott House : Romanesque basement,facade is decorated with paintings.

เป็นอาคารที่โดดเด่นที่สุดในบริเวณนี้ สร้างโดย Mikolas Ales ในศตวรรษที่ 19
เมื่อก่อนเคยเรียกบ้านหลังนี้ว่า The Three White Roses


เดินตรงไปเรื่อยๆเห็นยอดหอคอยแหลมๆแล้วค่ะ

 สาวก Apple ไม่ควรพลาดค่ะ55


นาฬิกาเป็นของที่ระลึกอีกอย่างของกรุงปราก แต่ราคาค่อนข้างแพงนิด

เดินมาถึงจุดหมายแล้วค่ะ ข้างหน้าคือโบสถ์ติน
จตุรัสกรุงเก่า : Staromestske Namesti  เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวของกรุงปราก 

ด้านขวาคือศาลาว่าการเมืองเก่า หอคอย และนาฬิกาดาราศาสตร์

เสียดายค่ะ ตอนนี้เค้าปิดปรับปรุงเลยไม่ได้เห็นของจริง 
หอคอยนี้สูงประมาณ 70 เมตรสามารถขึ้นไปชมวิวด้านบนได้ด้วยลิฟท์ เสียค่าขึ้นด้วยค่ะ

ที่เห็นด้านหน้านี้คือจอ LCD ขนาดใหญ่ 
ซึ่งจะฉายภาพเคลื่อนไหวให้ชมทุกต้นชั่วโมงเสมือนได้เห็นของจริง

ภาพจาก www.prague.eu
ศาลาว่าการเมืองเก่า : Old Town Hall and Tower
นาฬิกาดาราศาสตร์ : Prague Astronomical Clock

นาฬิกานี้สร้างในปี ค.ศ.1410 บนหอคอยของศาลาว่าการเมืองเก่า โดยช่างนาฬิกาชื่อ Mikulas of Kadan
หน้าปัดนาฬิกาแบ่งเป็น 2 ส่วน อันบนแบ่งเวลาเป็น 24 ชั่วโมงตามตำแหน่งของดวงอาทิตย์กับดวงจันทร์
ส่วนอันล่างเป็นปฏิทินพร้อมสัญลักษณ์จักรราศี

ทุกต้นชั่วโมงคนจะมารวมตัวกันที่บริเวณนี้ พอถึงเวลา โครงกระดูกจะสั่นระฆังและพลิกนาฬิกาทราย หน้าต่างบานเล็กๆสองบานด้านบนจะเปิดออก จากนั้นหุ่นอัครสาวก 12 องค์จะออกมาเดินพาเหรด 
ปิดท้ายด้วยไก่ตัวผู้ขันและเสียงตีบอกเวลา บนยอดหอคอยก็มีการเป่าแตรทั้ง 4 ทิศ


ดูและฟังเสียงนาฬิกาจากจอ LCD จนจบ ก็ไปเดินเล่นกันต่อค่ะ ทีจตุรัสด้านหน้ากำลังมีการจัดงานขายอาหารและขายของรับเทศกาลอีสเตอร์ ทำให้บดบังวิวของโบสถ์และอาคารสวยๆไปเยอะเลยค่ะ

Church of Our Lady Before Tyn : โบสถ์ติน : โบสถ์พระแม่
โดดเด่นที่สุดในจตุรัสนี้เพราะมองเห็นยอดแหลมของหอคอยคู่ได้แต่ไกล
สร้างขึ้นตั้งแต่ ค.ศ.1365 ให้เป็นโบสถ์ของนิกายโปรแตสแตนท์และเป็นศูนย์กลางการปฏิรูปศาสนาของขบวนการฮุสไซต์ จนถึงปี ค.ศ.1620


เดินชมวิวรอบๆจตุรัส

โบสถ์เซ็นต์นิโคลัส แห่งที่ 2 ของกรุงปราก : Church of St. Nicholas

โบสถ์นี้มีอายุเก่าแก่กว่า เพราะสร้างเสร็จใน ค.ศ.1737
โบสถ์มักมีการจัดคอนเสิร์ตเพลงคลาสสิคเป็นประจำสามารถจองตั๋วได้ที่ด้านในโบสถ์ 
การเข้าชมโบสถ์ก็ต้องเสียเงินด้วยค่ะ



จากด้านหน้าจตุรัสมองย้อนกลับไปจะมองเห็นหอคอยศาลาว่าการเก่าได้ชัดเจน

เดินลัดเลาะร้านค้าเข้าไปในจตุรัส จะเห็นอนุสาวรีย์ยาน ฮุส อยู่ตรงกลางจตุรัสเลยค่ะ

Jan Hus เคยเป็นอธิการบดีมหาวิทยาลัยปราก (มหาวิทยาลัยพระเจ้าชาร์ล) เป็นผู้ต่อต้านศาสนจักร 
ถูกกล่าวหาจากคริสตจักรว่าเป็นพวกนอกรีตและถูกเผาทั้งเป็นในปี ค.ศ.1415 
เขาได้รับการยกย่องให้เป็นวีรบุรุษของชาติ


ด้านหน้าโบสถ์มีการปลูกอาคารมาบดบังเกือบหมด เพราะเป็นความตั้งใจของราชวงศ์ฮับสบวร์กที่นับถือนิกายโรมันคาทอลิก ไม่อยากให้โบสถ์นี้โดดเด่น 
ทางเข้าโบสถ์ต้องเดินผ่านซอกแคบๆทางซ้ายของอาคารด้านหน้าเข้าไป

ข้างๆโบสถ์ทางซ้ายมือมีตึกสีชมพูหวานตกแต่งสวยงามนั้นคือวังคินสกี : Kolz-Kinsky Palace
ตอนสร้างมีการติดสินบนคณะเทศมนตรี จึงสร้างวังยื่นล้ำเข้ามาในจตุรัส ล้ำหน้าทุกอาคารเลยค่ะ
ตึกที่อยู่ระหว่างโบสถ์และวังคือ Stone Bell House 
เป็นสถาปัตยกรรมแบบโกธิค มุมด้านหนึ่งมีระฆังหินประดับอยู่


ตรงกลางจตุรัสบนพื้นถนนมีเส้น The Prague Meridian 14 องศา 25'17"
ถ่ายรูปยากมากเลยค่ะ มีแต่เท้าคนมาเหยียบเส้นนี้55

อาคารนี้แปลกตาด้วยสีและลวดลายบนผนัง

เวลา 18:00 น.เดินไปทานอาหารเย็นที่ร้านใกล้ๆจตุรัสกันค่ะ

ร้านอาหารพื้นเมือง Pilsner Urguell


ในร้านตกแต่งสวยมากๆ โดดเด่นที่เพดานโค้ง มีภาพวาดทั้งที่ผนังและเพดาน


เริ่มด้วยซุป


เมนคอร์สคือ เป็ดโบฮีเมียน ทานพร้อมขนมปังและกะหล่ำปลีดอง


ขนมหวานเป็นเครป ราดวิปครีม

เวลา 20:00 น. ทานอาหารเสร็จก็ออกมาเดินชมความงามที่จตุรัสยามประดับไฟกลางคืนอีกรอบค่ะ
โบสถ์ตินสวยดูลึกลับ


โบสถ์เซ็นต์นิโคลัสไม่ได้เปิดไฟ เลยดูมืดๆน่ากลัวนิด

มุมนี้มองเห็นทั้งวังและโบสถ์เลยค่ะ


เดินจากจตุรัสไปตามถนน Reu de Paris ตรงไปประมาณ 500 เมตร
 ด้านหน้าคือสะพาน Cech Bridge


ไม่ต้องข้ามสะพาน ให้เลี้ยวขวาเพื่อไปชมวิวกลางคืนค่ะ

ปราสาทปรากยามค่ำคืน ตอนนี้อากาศเย็นมากๆค่ะ เดินเล่นสักพักก็กลับที่พัก


เวลา 21:00 น.กลับถึงที่พัก Hotel Duo



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น