TUKEMD

__TUKEMD__ชื่อบ้าน อ่านว่า ตุ๊ก-เอ็ม-ดี นะจ๊ะ เป็นชื่อในเน็ตของแม่ตุ๊กเองค่ะ

บ้านหลังน้อย หลังนี้เป็นของแม่ตุ๊ก,น้องมะปราง และ คุณป๋า

เป็นบล็อกเพื่อบันทึกความสุข ความทรงจำ ในการท่องเที่ยวที่ต่างๆของครอบครัวเราค่ะ



2561/01/01

2.วัดสันติวนาราม,ศาลาแก้วกู่,เมืองหนองคาย

วันเสาร์ที่ 30 ธันวาคม 2561

เวลา 12:30 น. ขับรถตามป้ายตรงไปอีก 850 เมตรจะพบกับวัดโพธิ์ศรีในอยู่ทางขวามือ ด้านในวัดมีหลุมขุดค้นทางโบราณคดีและพิพิธภัณฑ์เปิดบ้านเชียง แต่พวกเราไม่ได้แวะค่ะ


จุดหมายคือวัดสันติวนาราม ขับไปตามทางมีป้ายบอกตลอดประมาณ 8 กม.ก็ถึง พุทธอุทยานวัดป่าดงไร่

อุโบสถดอกบัวกลางน้ำ วัดสันติวนาราม


เป็นอุโบสถรูปดอกทรงบัวแห่งเดียวของประเทศไทย(หนึ่งในสยาม)

เริ่มสร้างมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2544 เหลือแต่หัวพญานาคตรงสะพานยังไม่แล้วเสร็จ


ต้องถอดรองเท้าไว้ที่ทางขึ้นสะพาน มีร่มให้ยืมฟรี
วันนี้คนเยอะมากพวกเรากลัวรองเท้าหายเลยยืนไหว้พระอยู่ข้างนอกค่ะ

อุโบสถมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 19 เมตร สูง 19 เมตร มีกลีบดอกบัว 24 กลีบ


อ่างเก็บน้ำอีสานเขียว



ตอนเย็นๆเหมาะที่จะมานั่งเล่นริมน้ำมากกว่าค่ะ


ด้านหลังคือศาลาให้อาหารปลา





เวลา 13:00 น.เดินทางไปหนองคาย ระยะทางประมาณ 120 กม.


เวลา 14:30 น.เดินทางมาถึงตัวเมืองหนองคาย มีรูปปั้นพญานาคขนาดใหญ่อยู่ที่ซุ้มทางเข้าเมือง


แวะเข้าที่พักก่อนค่ะ โรงแรมคริสตัล หนองคาย


นอนพักเอาแรง รอแดดร่มๆตอนเย็นค่อยออกไปเที่ยวค่ะ


เวลา 16:00 น. ออกเดินทางไป ศาลาแก้วกู่ ระยะทาง 6 กม. ใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 212 ไปทาง อ.โพนพิสัย ประมาณ 4 กม. จะเห็นป้ายศาลาแก้วกู่อยู่ฝั่งขวา พอเลี้ยวไปเส้นทางค่อนข้างซับซ้อน
ต้องใช้กูเกิ้ลแมพนำทางค่ะ พอใกล้ถึงจะเห็นรูปปั้นขนาดใหญ่โดดเด่นชัดเจน



เปิดทุกวันเวลา 6:00-18:00 น. ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท


ซื้อตั๋วเสร็จก็เดินเข้าไปด้านในได้เลยค่ะ

เพียงแค่เดินพ้นซุ้มประตูเข้ามาก็เหมือนหลุดมาอีกโลกเลยค่ะ

ชาวหนองคายเรียกสถานที่นี้ว่า วัดแขก


เทวาลัยปางนี้คือพระราหูกินจันทร์หรือสูรย์คราส
มีคำบรรยายละเอียด


ศาลาแก้วกู่
คำว่า “กู่” มีความหมายว่า กุฏิ , อาวาส หรือ ศาลา 


เป็นสถานที่แทนภาพดินแดนแห่งการหลุดพ้นจากกิเลสทั้งปวง
 จัดแสดงประติมากรรมปูนปั้นเทวาลัยกลางแจ้งขนาดยักษ์จำนวนมากที่สุดในประเทศไทย 

  สถานที่แห่งนี้สร้างขึ้นจากแรงบันดาลใจของ “พ่อปู่บุญเหลือ สุรีรัตน์” ( ท่านเป็นนักปฏิบัติธรรม) 
เริ่มสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ. 2521 

ปัจจุบันอยู่ในความดูแลของพุทธมามกะสมาคมจังหวัดหนองคาย

พระพุทธรูปปางนาคปรก


สถานที่นี้สร้างตามความเชื่อว่าหลักคำสอนของทุกๆ ศาสนาสามารถนำมาผสมผสานกันได้

พระสังกัจจายน์

มองไปรอบๆจะพบกับพระพุทธรูปปางต่างๆ,รูปเทพฮินดู, รูปปั้นเกี่ยวกับศาสนาคริสต์,
 รูปปั้นเล่าเรื่องรามเกียรติ์และตำนานพื้นบ้าน


เย็นนี้อากาศดีค่ะไม่มีแดด เดินถ่ายรูปได้สบาย



 ที่บริเวณฐานของเทวาลัยทุกอันจะมีคำอธิบายบอกเล่าถึงเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับชิ้นงานนั้นๆ
 สลักเอาไว้เป็นภาษาไทยภาคกลางและภาษาไทยอีสาน เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้อ่านอย่างละเอียด


เทวาลัยปางนี้ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการบำเพ็ญทุกรกิริยา

เจ้าชายสิทธัตถะออกบวช

ส่วนใหญ่แล้วเทวาลัยต่างๆ จะมีเนื้อหาเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธประวัติ ตั้งแต่ประสูติ ตรัสรู้ ปรินิพพาน


อุทยานเทวาลัยแห่งความศรัทธา จ.หนองคาย


พระยาอสุรินทราหู

องค์คุลีมาน


พระนางพิมพายโสธรา

พระพุทธเจ้าหลังจากตรัสรู้แล้ว


ผกาพรหม

ตำนานพื้นบ้านอีสาน

ทางทวารผ่านเข้าเมือง กายะนคร

มุดเข้าไปด้านในกันเลยค่ะ

ด้านในจัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับการเวียนว่ายตายเกิด

จักขินทรีย์ มีหน้าที่สัมผัสดูรูปที่ทำให้มนุษย์เกิดกิเลส


เดินวนซ้าย ชมเรื่องราวตั้งแต่การเกิด แก่ เจ็บ

จบลงที่ความตาย

องค์แก้วกู่ฤษีอะฮามา

หนุมาน ทหารเอกของพระราม


พระยามุจรินทร์นาคราชขดตัวป้องกันอันตรายให้พระพุทธเจ้า

จากข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตบอกว่าที่ศาลาแก้วกู่นี้มีพระพุทธรูป เทวรูป และเทวาลัยทั้งหมด 208 องค์ 

และในจำนวนนี้มีมากกว่า 10 องค์ที่มีขนาดความสูงเกินกว่าตึก 3 ชั้น (บางองค์สูงมากกว่า 30 เมตร)


เนื่องจากเทวาลัยนั้นมีจำนวนมาก อาจทำให้เราดูได้ไม่ละเอียดแต่ก็สามารถเดินชมจนทั่วทั้งบริเวณค่ะ


ด้านหน้าใกล้ทางเข้าคือศาลาแก้วกู่ 
ภายในศาลาแห่งนี้มีเรื่องราวตำนานความเชื่อ และเครื่องใช้หลายๆอย่างจัดแสดงไว้ให้ชม 

ปัจจุบันร่างของพ่อปู่บุญเหลือถูกเก็บรักษาเอาไว้บนชั้น 3 ของศาลาแก้วกู่ในสภาพที่ไม่เน่าเปื่อย 
สามารถแวะขึ้นไปสักการะร่างของพ่อปู่ได้ทุกวันตั้งแต่เวลาประมาณ 7.00 – 17.00น.


เวลา 17:00 น. เดินทางไปพระธาตุหล้าหนอง ด้านหลังนี้คือพระธาตุองค์จำลอง


พระธาตุกลางน้ำ (พระธาตุหนองคาย) เดิมชื่อพระธาตุหล้าหนอง 


พระธาตุนี้หักพังอยู่กลางแม่น้ำโขง ห่างจากฝั่งไทยประมาณ 180 เมตร
สร้างโดยพระอรหันต์ 5 รูป ได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าจากประเทศอินเดียมา 
โดยพระธาตุฝ่าพระบาทเบื้องขวา 9 องค์ บรรจุไว้ที่พระธาตุหล้าหนองแห่งนี้


ตอนแรกพระธาตุนี้อยู่กลางบริเวณวัดธาตุริมฝั่งแม่น้ำโขง แต่พอถึงฤดูน้ำหลากจะเกิดการกัดเซาะริมตลิ่งจนถึงองค์พระธาตุและได้พังลงในแม่น้ำโขง เมื่อ พ.ศ. 2309
ล้มตะแคงไปตามกระแสน้ำทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ

ถ้าในฤดูแล้งแม่น้ำโขงลดระดับลง จะเห็นพระธาตุได้มากกว่านี้ค่ะ


แม่น้ำโขงยามเย็นสวยงาม สงบ

ด้านล่างมีเรือหางยาวให้เช่าไปสักการะพระธาตุกลางน้ำ

พระอาทิตย์ใกล้จะลับขอบฟ้าเกิดแสงหลังเมฆสวยแปลกตาดีค่ะ



ทางจังหวัดหนองคายได้สร้างพระธาตุองค์จำลองขึ้นมาใหม่ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขง
ฐานกว้าง 10 คูณ 10 เมตร สูง 15 เมตร และสร้างแนวปูนป้องกันการกัดเซาะเป็นแนวยาว 194 เมตร

ด้านในบรรจุพระธาตุองค์จริงเอาไว้  และมีพิธีบวงสรวงในวันขึ้น 14 ค่ำ เดือน 11 ของทุกปี

เวลา 17:30 น.ขับรถเข้าไปในเมืองเพื่อไปวัดโพธิ์ชัย ถ.ประจักษ์ศิลปาคม


เป็นวัดเก่าแก่หลายร้อยปีเดิมชื่อวัดผีผิวและได้เปลี่ยนชื่อเป็นวัดโพธิ์ชัยในสมัยรัตนโกสินทร์


ก่อนขึ้นไปด้านบน ต้องถอดรองเท้าไว้ข้างล่างค่ะ ที่พวกเราชอบมากคือมีตู้ใส่รองเท้า
และมีลูกกุญแจให้ล็อกตู้ ป้องกันรองเท้าหายได้เป็นอย่างดี 
(มีหลายครั้งที่พวกเราไม่ได้เข้าไปสถานที่สำคัญเพราะกลัวรองเท้าหาย)

วันนี้มีคนมาทำบุญและไหว้พระจำนวนมากเพราะเป็นวันหยุดยาวใกล้จะถึงวันปีใหม่


ด้านในพระอุโบสถมีคนแน่นไปหมด พวกเราต้องมานั่งไหว้พระอยู่ด้านข้างๆ


ตรงกลางคือ หลวงพ่อพระใส เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองหนองคาย
 เชื่อว่าสร้างขึ้นโดยธิดาของกษัตริย์แห่งล้านช้าง เมืองเวียงจันทน์

พระพุทธรูปขัดสมาธิราบปางมารวิชัย ศิลปะสมัยเชียงแสน หล่อด้วยทองสุก
(มีเนื้อทองคำบริสุทธิ์ 92 % สีเหลืองเข้ม) หน้าตักกว้าง 2 คืบ 8 นิ้ว เมื่อถึงเทศกาลสงกรานต์
จะมีการอัญเชิญหลวงพ่อพระใสออกมาแห่รอบเมืองหนองคายให้ประชาชนได้สรงน้ำพระ

ภาพจิตรกรรมฝาผนังที่แสดงเรื่องราวของหลวงพ่อพระใส 

ไหว้พระ ทำบุญเสร็จก็ออกมาเดินเล่นรอบๆวัดค่ะ


ด้านหน้าพระอุโบสถ์ คือ พระธาตุปิดถ้ำพญานาค
 เพราะเชื่อว่าที่หนองคายมีทางลงไปถ้ำพญานาค หากมนุษย์เข้าไปจะไม่ได้กลับออกมาอีก


เวลา 18:30 น.ไปทานอาหารเย็นกันค่ะ มาถึงหนองคายต้องไม่พลาดที่ต้องมาทานร้านนี้
โชคดีพวกเรามาถึงยังมีที่ว่างในห้องแอร์ 1 โต๊ะพอดี ไม่ต้องรอเลยค่ะ


หิวค่ะ สั่งมาเต็มโต๊ะเลย อร่อยทุกอย่าง


ปกติตอนเย็นวันหยุดแบบนี้ต้องโทรมาจองโต๊ะก่อน เพราะคนจะเต็มตลอดเวลา 


ทานอาหารเสร็จก็ออกมาเดินเล่นที่ถนนคนเดินริมแม่น้ำโขง (เปิดทุกวันเสาร์)

มีร้านอาหารบนแพในแม่น้ำโขงด้วยค่ะ


เดินเล่นและชมวิวแม่น้ำโขงยามค่ำคืน

ถนนคนเดินริมแม่น้ำโขงเริ่มตั้งแต่ท่าเสด็จยาวไปจนถึงท่าน้ำวัดหายโศก
 ระยะทางยาวประมาณ 500 เมตร

ร้านขายของเต็มสองข้างทาง


สินค้าทำมือ ของที่ระลึก ของท้องถิ่น


เดินเล่นเพลินมากๆค่ะ ของราคาไม่แพง

เวลา 20:00 น.เดินทางกลับโรงแรม พักผ่อนค่ะ



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น