TUKEMD

__TUKEMD__ชื่อบ้าน อ่านว่า ตุ๊ก-เอ็ม-ดี นะจ๊ะ เป็นชื่อในเน็ตของแม่ตุ๊กเองค่ะ

บ้านหลังน้อย หลังนี้เป็นของแม่ตุ๊ก,น้องมะปราง และ คุณป๋า

เป็นบล็อกเพื่อบันทึกความสุข ความทรงจำ ในการท่องเที่ยวที่ต่างๆของครอบครัวเราค่ะ



2560/12/02

2.หอไอเฟล-พิพิธภัณฑ์ลูฟร์

วันพุธที่ 25 ตุลาคม 2561

เวลา 7:00 น.ทานอาหารเช้าที่ห้องอาหารของโรงแรม


เวลา 8:00 น.ออกเดินทางโดยรถบัสเข้าไปในตัวเมืองปารีส เพื่อไปหอไอเฟล (Eiffel Tower) ระยะทางประมาณ 30 กม. ใช้เวลาเกือบ 1 ชม.เพราะรถค่อนข้างติด รถบัสจอดให้พวกเราลงที่สวนด้านหลัง


หอไอเฟล(Eiffel Tower) 
ตั้งตามชื่อของสถาปนิกที่ออกแบบชื่อว่า กุสตาฟ ไอเฟล(Gustave Eiffel)
 ซึ่งเป็นทั้งวิศวกรและสถาปนิกชื่อดังของฝรั่งเศสในยุคนั้น เชี่ยวชาญด้านการก่อสร้างงานเหล็ก 
รัฐบาลฝรั่งเศสจึงให้กุสตาฟสร้างหอไอเฟลขึ้นมาเพื่อใช้เป็นสัญลักษณ์ของงานแสดงสินค้าโลก ปี ค.ศ. 1889

มีคนดำำเดินขายของที่ระลึกจำำนวนมาก 

ตัวอาคารก่อสร้างโดยโครงเหล็กทั้งหมด มีความสูง 324 เมตร(สูงประมาณตึก 81 ชั้น) 
ความสูงนี้รวมเสาอากาศที่สูง 24 เมตรด้วย สร้างเป็นรูปแบบหอคอย 


ช่วงนี้มีการปิดปรับปรุงสวนสาธารณะ เลยมีรั้วปิดล้อมรอบหอไอเฟล


เปิดทางเล็กๆให้เราเดินไปด้านในแต่ต้องเดินอ้อมรั้วไกลนิด 

มาถึงทางเข้าแล้วค่ะ 


ราคาตั๋วจากเวปไซต์ของไอเฟล www.toureiffell.paris


เราจองตั๋วออนไลน์ไว้แล้วค่ะ รอบแรก 9:30 น.
เอาตั๋วที่ปริ้นท์มาให้ จนท.ดู ตรวจกระเป๋าเสร็จก็เข้าไปด้านในได้เลย

ตัวหอไอเฟลแบ่งเป็น 3 ส่วนหลักๆ คือส่วนฐาน ส่วนกลาง และส่วนยอด


ตอนนี้เราอยู่ที่ส่วนฐานไอเฟล มองขึ้นไป...ใหญ่มากๆ 
ตอนนี้ยังไม่มีนักท่องเที่ยวรีบขึ้นไปชมด้านบนก่อนค่ะ เสร็จแล้วค่อยลงมาเดินเล่นด้านล่าง


ซื้อตั๋วเพื่อขึ้นไปชั้นบนให้ซื้อจากตรงนี้ได้ค่ะ ตรงนี้คือทางขึ้น เดินขึ้นบันไดไปนิดหนึ่งจะเจอทางเข้าลิฟต์ค่ะ 


ยืนรอลิฟต์แป๊บเดียวค่ะ พวกเรามาถึงเป็นกลุ่มแรกๆยังไม่มีคนเลย 


ลิฟต์มาแล้วพร้อม จนท.ควบคุม ประตูมีสองชั้น เพื่อความปลอดภัย 


จนท.ทักทาย พูดคุยกับนักท่องเที่ยว 


ต้องระวังกระเป๋าของเราให้ดีๆ ถ้ามีคนเยอะอาจโดนล้วงกระเป๋าได้ 

ลิฟต์เป็นกระจกใส มองเห็นได้รอบๆทั้ง 4 ด้าน 




ตื่นเต้นกับวิวจากข้างบน 




ถึงแล้ว ลิฟต์จอดที่ส่วนกลาง เพราะเราจองตั๋วลงชั้นนี้ค่ะ ถ้าชั้นสูงจะแพงกว่านี้ 


อากาศวันนี้เย็นมาก รีบไปเข้าห้องน้ำก่อน ห้องน้ำสะอาดมากๆค่ะ มี พนง.นั่งเฝ้าหน้าประตูด้วย


ออกไปเดินชมวิวทางด้านหน้าหอไอเฟลกันค่ะ ด้านล่างคือแม่น้ำแซนน์ที่เราล่องเรือเมื่อวาน 
ส่วนกลางเป็นส่วนที่สวยและบรรยากาศดี มีพื้นที่โล่งให้คนเดินชมวิวได้โดยรอบ


ข้างล่างตรงนี้คือสวนโทรคาเดโร : Trocadero 



เดินวนมาทางด้านซ้าย 


ข้างบนนี้อากาศดีลมเย็นมากๆ ที่สำำคัญคือเงียบสงบเพราะตอนนี้ไม่มีคนเลยค่ะ

ด้านล่างคือศูนย์กีฬา Sport Center Emile Anthoine Afactsport 

มีกล้องส่องทางไกลแบบหยอดเหรียญบริการทุกมุมเลยค่ะ



เดินวนมาด้านหลัง จะเห็นสวนสีเขียวนั้นคือช็องเดอมาร์ส : Champ de Mars 


เป็นสวนที่เราเดินอ้อมผ่านตอนแรก กำำลังปิดปรับปรุงอยู่


Champ de Mars เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ อยู่ติดกับหอไอเฟล 
ตั้งชื่อตามเทพมาร์ส(เทพสงครามของโรมัน) 


ยอดโดมสีทองตรงทางซ้ายของสวนคือสุสานนโปเลียน (Hotel des Invalides) 

มะปรางเพลิดเพลินกับการถ่ายรูปทุกซอกทุกมุมของหอไอเฟล 

 ด้านล่างเริ่มมีนักท่องเที่ยวมากันแล้วค่ะ


เดินมาจนจะครบรอบแล้ว มองเห็นโบสถ์ชาเครเกอร์อยู่ไกลๆ
ส่วนโดมเหมือนหัวหอมสีทองเป็นโบสถ์ของรัสเซีย(Holy Trinity Cathedral)

อาคารสีแดงข้างล่างนี้คือพิพิธภัณฑ์ เก บร็องลีย์(Musee du quai Branly)


ส่วนยอดข้างบนสุดต้องใช้ลิฟท์ไม่มีบันไดขึ้นไปค่ะ ข้างบนเป็นภัตตาคาร ชมวิวสูงสุด 360 องศา 



เดินจนครบรอบใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมง ลงลิฟต์ไปด้านล่างกันค่ะ


ก่อนหน้านี้หอไอเฟลได้โดนตั้งฉายาจากนักวิจารณ์ศิลปแขนงต่างๆว่าเป็นความอัปลักษณ์ของของปารีส เพราะการออกแบบโครงสร้างที่ไม่เข้ากับบ้านเรือนในยุคสมัยนั้น และรัฐบาลวางแผนไว้ว่าจะรื้อทิ้งหลังจากเฉลิมฉลองเสร็จ แต่ผู้คนจำำนวนมากกลับชื่นชอบ รัฐบาลก็ยกเลิกการรื้อถอนไปในที่สุด 
และได้ตั้งศูนย์วิทยุขึ้นที่นี้อย่างถาวร ยังคงใช้มาถึงปัจจุบัน 

อาคารสีขาวข้างหน้าที่เห็นอยู่นอกรั้วคือสวนโทรคาเดโร อยู่คนละฝั่งแม่น้ำมีสะพานข้ามค่ะ


หลังจากสร้างเสร็จ หอไอเฟลกลายเป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดในโลกเป็นเวลากว่า 40 ปี 
(ค.ศ. 1889-1930)


ส่วนฐานนี้มีร้านขายของที่ระลึก 


นักท่องเที่ยวยืนต่อแถวยาวเพื่อรอคิวขึ้นชมหอไอเฟล 


ขากลับ เดินผ่านสวนช็องเดอมาร์ส ใบไม้เริ่มเปลี่ยนสีแล้วค่ะ 


มองเห็นหอไอเฟลได้ทุกมุมจากในสวนนี้ 




รถนำำเที่ยวชมเมืองปารีส


  นั่งรถบัสมาลงที่ทรอคาเดโร (Trocadero) มีชื่อเต็มๆว่า ปาแลดูว์ ทรอคาเดโร(Palais du Trocadero) ถูกสร้างขึ้นสำหรับจัดแสดงนิทรรศการนานาชาติเมื่อปี ค.ศ. 1937
ด้านหน้ามีอนุสาวรีย์ของจอมพล Statue of Marshal Foch


ทรอกาเดโร เป็นชื่อเรียกรวมๆของพื้นที่ทางทางตะวันตกเฉียงเหนือของหอไอเฟลที่คั่นกลางด้วยแม่น้ำแซนน์


ลานจัตุรัสแห่งนี้เป็นจุดชมวิวและทัศนียภาพของหอไอเฟลทั้งกลางวันและกลางคืน


เป็นหนึ่งในจุดชมวิวหอไอเฟลที่ว่ากันว่าสวยงามที่สุด

 ได้เห็นหอไอเฟลในระยะใกล้ที่ไม่มีอะไรมาบดบัง


จตุรัสนี้เป็นลักษณะของอาคารสองฝั่งมีแนวยื่นโค้งออกมา เว้นช่องว่างไว้เป็นทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส
บริเวณทรอกาเดโรประกอบไปด้วยสิ่งที่น่าสนใจหลายส่วน 

ปาแลเดอชาโย(Palais de Chaillot)ซึ่งเป็นอาคารหลักขนาดใหญ่ที่ตั้งตระหง่านบนยอดสูงสุดของเนินเขา 

ภายในแบ่งเป็น พิพิธภัณฑ์แห่งชาติทางทะเล,พิพิธภัณฑ์สถาปัตยกรรมแห่งชาติ,พิพิธภัณฑ์อนุสาวรีย์แห่งชาติของฝรั่งเศส และโรงละครแห่งชาติ


พิพิธภัณฑ์มานุษยวิทยา 




สถานีรถไฟใต้ดินโทรคาเดโร 


เดินไปตามแนวกำำแพงสีขาว ด้านหลังนี้คือสุสาน Passy Cemetery 

มารอขึ้นรถบัสไปประตูชัย จากตรงนี้ไปประมาณ 2 กม.

ประตูชัยฝรั่งเศส (Arc de Triomphe)
ชื่อเต็มคือ Arc de triomphe de l’Etoile บางครั้งอาจเรียกว่าประตูชัยนโปเลียน


มีอายุกว่า 200 ปีสร้างขึ้นปีพ.ศ. 2349 หลังจากที่จักรพรรดินโปเลียนที่ 1 ได้รับชัยชนะจากยุทธการเอาสเตอร์ลิทซ์ ใช้เวลาก่อสร้างยาวนานกว่าสามสิบปี


ประตูชัยฝรั่งเศส มีความสูง 49.5 เมตร กว้าง 45 เมตร ลึก 22 เมตร
ถูกจัดอันดับเป็นประตูชัยที่ใหญ่อันดับ 2 ของโลกตั้งอยู่กลางจัตุรัสชาร์ลส์ เดอ โกล(Place Charles de Gaulle) หรือ จัตุรัสแห่งดวงดาว อยู่ทางตะวันตกของ ชองป์-เซลิเซ่ส์ 

บนประตูชัยมีรูปแกะสลักลอยตัวที่เป็นสัญลักษณ์แห่งชัยชนะ การปลุกใจ รวมทั้งสดุดีการเสียสละแก่วีรชนทหารกล้าที่ทำำเพื่อประเทศฝรั่งเศส ต่อมาถูกตั้งให้เป็นอนุสรณ์ของทหารฝรั่งเศสในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 ซึ่งในปัจจุบันยังเป็นสุสานของทหารนิรนามที่ทำำเพื่อประเทศฝรั่งเศสอีกด้วย 


ทางลง เพื่อเดินไปที่ประตูชัยตรงกลางจตุรัส




ประตูชัยฝรั่งเศสเป็นจุดเริ่มต้นและสิ้นสุดของถนนถึง 12 เส้นทาง 
เป็นส่วนหนึ่งของแนวเส้นตรงทางประวัติศาสตร์ เชื่อมต่อถนนจากพิพิธภัณฑ์ลูฟร์ไปยังชานเมืองกรุงปารีส


เวลา 12:30 น.ทานอาหารเที่ยง ที่ร้านอาหารฝรั่งเศสในเมืองเลยค่ะ
เมนูแนะนำำหอยเอสคาโก้ (Escargo คือหอยทากฝรั่งเศส) อร่อยดีค่ะ แต่น้อยไปนิดกินเรียกน้ำย่อย
 ต่อด้วยสเต็กไก่ 

ปิดท้ายด้วยไอติมคนละแท่ง อิ่มมากๆค่ะ 


เวลา 13:30 น. เดินทางมาถึงพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ (Musee du Louvre) ต้องข้ามถนน ผ่านรั้วนี้เข้าไปก่อนค่ะ


พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ Musee du LOUVRE 
ตัวอาคารเดิมเคยเป็นพระราชวังหลวง ซึ่งปัจจุบันเป็นสถานที่ที่จัดแสดงและเก็บรักษาผลงานทางศิลปะที่ทรงคุณค่าระดับโลกเป็นจำำนวนมากกว่า 35,000 ชิ้น จากตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์จนถึงศตวรรษที่ 19 


เราจองตั๋วออนไลน์มาแล้วค่ะ รีบลงไปด้านล่างก่อน ทางเข้าอยู่ใต้ปิรามิดแก้ว 


ลงมาอยู่ใต้ปิรามิดแล้วค่ะ สี่เหลี่ยมสีดำำๆนั้นเคลื่อนที่ตลอดเวลาเหมือนเครื่องทำำความสะอาดกระจก


 เดินเข้าไปด้านในจะเจอกับปิระมิดแก้วกลับหัว


La Pyramide Inversee (The Inverted Pyramid)


ชื่อทางการคือ The Grand Louvre เป็นพิพิธภัณฑ์ทางศิลปะที่มีชื่อเสียงที่สุด เก่าแก่ที่สุด และใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ซึ่งเปิดให้สาธารณชนเข้าชมได้เมื่อปี พ.ศ. 2336 (ค.ศ. 1793) 



เข้าแถวเพื่อตรวจตั๋วและตรวจกระเป๋า ห้ามนำำขากล้องและไม้เซลฟี่เข้าไปค่ะ 


ราคาเข้าชม เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี เข้าฟรีเหมือนเดิม 


หยิบแผนที่คนละใบ 

ตอนนี้เราอยู่ที่ชั้น -2 ต้องเดินขึ้นบันไดค่ะ

ตอนนี้พวกเราอยู่ที่ชั้น -1 พอขึ้นมาจะเห็นลักษณะเป็นกำำแพงโบราณ ตลอดทางเดิน 


The fortress of King Philippe Auguste : ป้อมโบราณ


เข้าสู่โซน Egyptian Art : วัตถุโบราณอียิปต์ 


Great Sphinx of Tanis 


เดินขึ้นไปชั้น 0 : Greek Antiquities 


Greek sculptors 


มีรูปปั้นกรีกโบราณจำำนวนมาก จัดวางตลอดทางเดินเป็นแนวยาว 


มีคำำบรรยายอยู่ด้านล่างทุกอัน ใช้เวลาหลาย ชม.เลยค่ะถ้าจะเดินชมและอ่านทุกอัน







มาถึงไฮไลท์ของห้องนี้ค่ะ
Venus de Milo หรือ The Milos Aphrodite 


รูปสลักเทพีวีนัส เป็นเทพธิดาแห่งความรักและความงามของกรีกผู้ที่ได้ชื่อว่างามที่สุดในเหล่าเทพีประติมากรรมนี้คาดว่าจะมีอายุมากกว่า 2,100 ปีถูกค้นพบที่เกาะมิโล แถบทะเลเอเจียนปี ค.ศ.1820  

ไม่พบแขนทั้งสองข้าง แต่ถูกยกให้เป็นงานประติมากรรมสตรีที่สวยที่สุดในโลก 
เป็นรูปเปลือยที่แสดงสรีระและกล้ามเนื้อได้สมบูรณ์แบบ มีส่วนสัดของร่างกายและการจัดวางท่วงท่างดงาม


ประวัติการค้นพบ 


ตู้จัดแสดงชิ้นส่วนประติมากรรมกรีกโบราณ 




เพดานห้องมีภาพวาดงดงามเพราะเคยเป็นพระราชวังมาก่อน 




ขวามือคือทางขึ้นไปชั้น 1 ค่ะ 


ตรงที่พักชานบันได มีประติมากรรมอีกชิ้นที่มีชื่อเสียงมากเช่นกัน

ประติมากรรม Nike Winged Victory of Samothrace   



เป็นรูปแกะสลักของเทพีไนกี้(เทพธิดาแห่งชัยชนะของกรีก)บนเรือหิน 
แสดงให้เห็นถึงสรีระและความพริ้วไหวของอาภรณ์ที่ห่อหุ้มร่างกายของนางฟ้า 

ประวัติและการค้นพบ

รูปสลักนี้มีอายุประมาณ 190 ปีก่อนคริสตศักราช เป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะของกรีซในการรบที่ซาโมเทรซ ประติมากรรมนี้เคยแตกหักถูกประกอบขึ้นจากชิ้นเล็กชิ้นน้อยมาประติดประต่อกันโดยนักโบราณคดี

ปีกที่เป็นสัญลักษณ์แห่งชัยชนะ (รองเท้าดังนำำชื่อไปใช้พร้อมทั้งเครื่องหมายที่ดัดแปลงจากปีกของเทพีไนกี้)


เดินขึ้นมาถึงชั้น 1 


ส่วนจัดแสดงภาพวาด Department of Painting 




ภาพวาดเกี่ยวกับศาสนา 


St.Francis Receiving the Stigmata (Giotto)


Painting Europe แบ่งเป็นโซนประเทศ คือ ฝรั่งเศส อิตาลี สเปน อังกฤษ





มีภาพเขียนระดับมาสเตอร์พีซที่พิพิธภัณฑ์ลูฟร์มากมายนับร้อยภาพจากศิลปินชื่อดัง 
โดยเฉพาะในสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยา (Renaissance)


The Virgin and Child with St. Anne (Leonardo) ของเลโอนาร์โด ดาวินชี 



เดินมาถึงโถงไฮไลท์ของชั้นนี้แล้วค่ะ มีภาพวาดที่ผนังทั้ง 4 ด้าน


โมนาลิซ่า Mona Lisa ผลงานอันโด่งดังของ Leonardo da Vinci 

รั้วกั้นห่างจากภาพพอสมควร มีจนท.นั่งเฝ้าสองข้าง 

ต้องฝ่าฟันฝูงชนจำำนวนมาก กว่าจะเข้ามาใกล้ขนาดนี้

เป็นภาพวาดสีน้ำมันบนไม้ สูง 77 ซม. กว้าง 53 ซม.อยู่ในตู้กระจกปรับอากาศกันกระสุน 
เพื่อป้องกันการโจรกรรม



ภาพหญิงสาวที่ถ่ายทอดอารมณ์ได้อย่างหลากหลาย จุดเด่นตรงรอยยิ้มปริศนาที่มุมปาก
 และดวงตาที่มีเสน่ห์ราวกับมีชีวิตสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ชมศิลปะชิ้นนี้ได้ 

ซูมกล้องสุดๆก็ได้ชัดแค่นี้ค่ะ มีเงากระจกสะท้อน 


ภาพจาก wikipedia

ชื่นชมความงามของโมนาลิซ่าจนเต็มอิ่มก็เดินไปชมภาพต่อไป

The Wedding at Cana by Paolo Veronese (1563)



Jacques-Louis David (ฌาค-หลุยส์ ดาวิด) และผลงานที่สำคัญหลายภาพ 
ภาพ Madame Recamier 


Josephine de Beauharnais พระมเหสีองค์แรกของจักรพรรดินโปเลียนที่ 1

The Coronation of Napoleon 

The Intervention of the Sabine Woman 

ยังมีภาพอีกมากมาย ซึ่งน่าจะใช้เวลาเป็นวันกว่าจะชมจนหมด
พวกเราเดินมาสองชั่วโมงก็เริ่มเมื่อยแล้วค่ะ 

ค่อยๆเดินลงไปด้านล่าง ยังมีงานประติมากรรมอีกจำำนวนมาก 

แจกันโบราณ 





เดินมาจนถึงทางออก แวะชมของที่ระลึกใน museum shop 


ตอนนี้เวลา 17:00 น. เดินออกมาด้านนอก จะพบกับปิรามิดแก้วอีกครั้ง
คนต่อคิวรอเข้าพิพิธภัณฑ์แถวยาวเลยค่ะ วันนี้วันพุธเปิดถึงสี่ทุ่ม 
พิพิธภัณฑ์ลูฟร์มี 3 ปีก ด้านหลังปิรามิดคือปีก Sully จัดแสดงผลงานของอียิปต์ กรีก โรมัน

 ฝั่งขวามือคือ ปีก DENON เป็นปีกที่คนนิยมมาชมมากที่สุด มีผลงานสำำคัญจำำนวนมาก


อนุสาวรีย์พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ทรงหลังม้า 


ทางด้านซ้ายคือปีก Richelieu เป็นปีกที่คนมาชมไม่มาก เป็นส่วนที่ประทับของกษัตริย์
Napolean Apartment

พีระมิดแก้วของพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ออกแบบโดย ไอ. เอ็ม. เป (I.M.Pei) สถาปนิกชาวจีน-อเมริกัน
สร้างขึ้นจากกระจกและโลหะ


ก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์เมื่อปีค.ศ.1988 โดยเป็นหนึ่งในโครงการของประธานาธิบดีฟร็องซัว มีแตร็อง 
เพื่อใช้เป็นทางเข้าหลักของพิพิธภัณฑ์ โดยผู้เข้าชมจะต้องเข้าผ่านล็อบบี้ใต้ดิน ที่อยู่ใต้ฐานปิรามิด

ปิรามิดนี้ตั้งอยู่บนลานกว้างหน้าพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ สามารถนั่งเล่นได้รอบๆ ลานด้านหลังเป็นน้ำพุค่ะ

และยังมีปิรามิดแก้วอันเล็กอีก 3 อัน วางอยู่รอบปิรามิดใหญ่ 

แดดร่มแล้วไปเดินเล่นในสวนหน้าพิพิธภัณฑ์กันค่ะ
ตรงนี้คือประตูชัยแห่งการูแซล (Arc de Triomphe du Carrousel)

เดินเข้าไปด้านในจะพบกับสวนเล็กๆมีสนามหญ้าเขียวมากๆ ขอนั่งพักก่อนค่ะ

 Porte des Lions ประตูทางเข้า 

เดินไปสวนตุยเลอรี่กันค่ะ


สวนสาธารณะตุยเลอรี(Tuileries Garden หรือ Jardin des Tuileries)

เป็นสวนสาธารณะที่ใหญ่ที่สุดในกรุงปารีส
ตั้งอยู่ตรงกลางระหว่างจัตุรัสคองคอร์ด(Place de la Concorde)และพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์(Louvre Museum)

ในสวนมีประติมากรรมร่วมสมัยมากมาย 




ในสวนมีดอกไม้สวยๆต้นไม้ร่มรื่น เหมาะกับการมาเดินเล่นมากค่ะ

มีเนื้อที่ถึง 175 ไร่ สร้างขึ้นโดย แคทเธอรี เดอ เมดิชิ (Catherine de Medicis) 

มีเก้าอี้ให้นั่งพักมากมาย ลองนั่งอาบแดดหน่อยค่ะ ร้อนจนต้องหันหลังให้แดดเลย55


เดิมที่นี่เป็นสวนของพระราชวังตุยเลอรี ถูกเปิดให้เป็นสวนสาธารณะหลังการปฏิวัติฝรั่งเศสในช่วงศตวรรษที่ 19-20 และถูกยกให้เป็นมรดกโลกยูเนสโกริมฝั่งแม่น้ำแซนน์ จัดเป็นสวนสาธารณะที่สวยที่สุดในกรุงปารีส



เดินเข้าไปด้านในยิ่งสวยมากใบไม้เปลี่ยนสีเป็นแนวยาวเลยค่ะ 

สวนนี้มีที่นั่งเต็มไปหมด วางอยู่ทุกมุม เหมาะกับการพักผ่อนหรือปิคนิก 



พวกเราก็เดินเล่นไปนั่งพักไปตลอดทางเหมือนกันเพราะสวนมันใหญ่มาก 




ในสวนมีมุมถ่ายรูปสวยๆมากมาย แถมคนก็ไม่พลุกพล่าน

พวกเราเดินมาจนจะสุดสวนแล้วค่ะ 

กระจกพิศวง 

นั่งเล่นริมสระน้ำ วิวรอบๆสวยดีค่ะ

ข้างหน้าคือจัตุรัสคองคอร์ด(Place de la Concorde)
เป็นจตุรัสใจกลางกรุงปารีส มีเสาโอเบลิสก์ตั้งตะหง่าน(Obelisk of Luxor) 


 ประติมากรรมสีขาวจำำนวนมากของศิลปิน Alberto Giacometti และAuguste Rodin
 จัดวางเรียงรายอยู่รอบๆสระน้ำกลางสวนตุยเลอรี 

เดินย้อนกลับทางเดิมผ่านประตูชัยแห่งการูแซล สร้างขึ้นเพื่อสดุดีทหารที่ร่วมรบในสงครามนโปเลียน
ด้านบนเป็นรูปสำริดม้าเทียมรถศึก เป็นแบบจำำลองของ Horses of Saint Mark
เหนือหัวเสาเป็นรูปปั้นทหารเอกทั้งแปดของฝรั่งเศส 

ประตูชัยนี้สร้างในช่วงเดียวกับประตูชัยแห่งฝรั่งเศสแต่เสร็จก่อนเพราะมีขนาดเล็กกว่า 2 เท่า 

เวลา 18:00 น.ไปทานอาหารไทยกลางกรุงปารีสกันค่ะ เที่ยวมาหลายวันเริ่มคิดถึงอาหารไทย
อาหารอร่อยมากๆทุกอย่างค่ะ เจ้าของก็ใจดี 


ทานอาหารเสร็จก็เดินทางกลับที่พัก เห็นหอไอเฟลอยู่ไกลๆ เวลาเปิดไฟก็สวยไปอีกแบบค่ะ



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น