TUKEMD

__TUKEMD__ชื่อบ้าน อ่านว่า ตุ๊ก-เอ็ม-ดี นะจ๊ะ เป็นชื่อในเน็ตของแม่ตุ๊กเองค่ะ

บ้านหลังน้อย หลังนี้เป็นของแม่ตุ๊ก,น้องมะปราง และ คุณป๋า

เป็นบล็อกเพื่อบันทึกความสุข ความทรงจำ ในการท่องเที่ยวที่ต่างๆของครอบครัวเราค่ะ



2566/12/29

1.Strawberry Farm-Gamcheon Culture Village-Songdo Skywalk-Sky Capsule

 วันศุกร์ที่ 29 ธันวาคม 2566

ปีนี้คุณป๋าจะพาพวกเราจะไปเค้าท์ดาวน์ที่ปูซาน ประเทศเกาหลีใต้กันค่ะ ตอนเย็นวันศุกร์นัดเจอ มป ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ทานอาหารเย็นเสร็จเวลา 21:00 น.ก็ไปเช็คอินที่เค้าท์เตอร์สายการบินเจจูแอร์

วันเสาร์ที่ 30 ธันวาคม 2566
เวลา 01:00 น. ออกเดินทางไปปูซานด้วยสายการบิน JELU AIR 7C2252 
เป็นสายการบินโลว์คอสไม่มีอาหารบริการ พอเครื่องขึ้นก็นอนพักผ่อนได้เลยค่ะ

เวลา 08:30 น. (เวลาที่เกาหลีใต้เร็วกว่าไทย 2 ชั่วโมง) ใช้เวลา 5.5 ชม. ก็เดินทางมาถึงปูซาน

Gimhae International Airport 

พอออกจากเครื่องรีบเดินไปผ่าน ตม.เลยค่ะ คนยังไม่มากใช้เวลาประมาณ 15 นาทีก็ออกไปรอรับกระเป๋า
เวลา 09:30 น. รับกระเป๋าแล้วก็เปลี่ยนเสื้อผ้าให้อบอุ่นเพราะอากาศข้างนอกค่อนข้างหนาว

  Busan is the second largest and most populous city after Seoul in  South Korea. 
Busan is known for its beaches and international film festival. 

เดินทางออกจากสนามบินไปทานอาหารมื้อสายที่ร้านใกล้ๆสนามบินค่ะ


Buja-jip Dwaeji-gukbap

ร้านข้าวต้มหมูสไตล์ปูซาน

 ทเวจีกุกพับ เป็นซุปของชาวเกาหลีใต้ที่ได้รับความนิยมโดยเฉพาะในปูซาน 
ทำจากหมู ซอสถั่วเหลือง มิโซะ ไวน์ข้าว น้ำมันงา และน้ำซุปกระดูก ชื่อแปลตามตัวว่า "หมู ซุป ข้าว"
 เสิร์ฟพร้อมกับเครื่องเคียงต่างๆ เช่น ข้าว กุ้งเค็ม กิมจิ กระเทียม ผักดอง

Dwaeji gukbap is a South Korean soup especially popular in Busan made with pork, soy sauce, miso, rice wine, sesame oil, and bone broth.The name literally translates to "pork, soup, rice".

เมนูและราคา

ทานข้าวต้มร้อนจนอิ่มแล้วก็ออกมานั่งรับลมหนาวด้านนอก

 อากาศเย็นสบายมาก



เวลา 11:00 น.ออกเดินทางไปฟาร์มสตรอเบอรี่ ข้ามแม่น้ำไปอยู่ไม่ไกลจากสนามบินกิมแฮ 

ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงก็เดินทางมาถึงจุดหมายค่ะ ด้านหน้ามีโรงเรือนเรียงรายหลายหลัง
ฟาร์มสตรอว์เบอรี่ในเกาหลีจะปลูกในโรงเรือนเพื่อควบคุมอุณหภูมิให้เหมาะสม

 Strawberry picking farm

บางโรงเรือนจะเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปเก็บสตรอเบอรี่ทานได้
พอเดินเข้าไปพวกเราจะได้รับถ้วยพลาสติกเล็กๆคนละอัน ให้เก็บได้คนละห้าผลเท่านั้น


ฟาร์มสตรอเบอรี่ในเกาหลีจะเปิดให้เก็บได้ตั้งแต่ช่วงเดือนธันวาคม - มิถุนายน 

ด้านในโรงเรือนอุณหภูมิเย็นสบายโปร่งโล่ง

 ที่นี่จะเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเก็บสตรอเบอรี่เป็นรอบๆตามเวลาที่กำหนด

เดินเล่นถ่ายรูปภายในฟาร์มได้ทั่วๆเลยค่ะ

 Lush green strawberry farm

Strawberries can be picked the cost is 18,000 won to 20,000 won per person.

ในฟาร์มนี้ปลูกต้นสตรอเบอรรี่แบบยกพื้นมีสองชั้นบนและล่าง ทำให้ผลไม่โดนพื้นสะอาดดีค่ะ

Fresh strawberries grown with organic hydroponics.


ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเก็บสตรอเบอรี่คือช่วงฤดูใบไม้ผลิเพราะอากาศเย็นสบาย

Strawberries are often associated with winter in South Korea and runs all the way into spring. 
The strawberry season is generally to be from December to June, but its peak is from January to April.


Strawberries are summer fruits. It’s rich fiber, antioxidants and vitamin C that could keep us from catching a cold. This is the reason why the majority of Korean enjoy strawberries during winter. 

เวลาเดินเก็บผลต้องก้มมองต่ำๆค่ะ ผลใหญ่ๆมักจะห้อยซ่อนอยู่ด้านล่าง

สตรอเบอรี่เป็นผลไม้ที่มีกากใยและวิตามินซีสูงป้องกันโรคหวัดได้ คนเกาหลีจึงนิยมทานในช่วงฤดูหนาว


ลูกที่มีสีแดงจัดจะหวานมาก แม่ตุ๊กเน้นเก็บผลใหญ่ๆตรงขั้วเลยยังขาวๆอยู่

House strawberries in the Gimhae region are famous for their good quality, a sweet scent, high sugar content and firm flesh, due to good soil and climatic conditions suitable for strawberry cultivation.

สตรอเบอรี่ที่เมืองกิมแฮมีชื่อเรื่องคุณภาพเพราะดินดีและอุณหภูมิเหมาะสม

Picking strawberries at a local Korean farm is a great activity for family.

เดินถ่ายรูปชมสวนเสร็จก็ได้เวลาทานสตรอเบอรี่แล้วค่ะ  สดหวานอร่อยมาก


ราคาผลิตภัณฑ์จากสตรอเบอรี่ที่ขายในฟาร์มนี้

นมสตรอเบอรี่ขวดละ 10,000 วอน ขายหมดอย่างรวดเร็ว


ใช้เวลาในฟาร์มประมาณ 1 ชม.ก็ออกเดินทางต่อค่ะ

นั่งรถเข้ามาในเขตเมืองปูซาน


เวลา 13:30 น.เดินทางมาถึงหมู่บ้านวัฒนธรรมคัมชอน หมู่บ้านนี้ตั้งอยู่บนเนินเขา

เราสามารถนั่งรถบัสขึ้นมาจนถึงทางเข้าหมู่บ้านได้เลยค่ะ

Gamcheon Culture Village

แวะศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยวเพื่อซื้อแผนที่ของหมู่บ้านก่อนค่ะ ชุดละ 2,000 วอน
The stamp map purchased at the village information center, to complete the alley tour.

The map includes a stamp hunt. There are 12 designated attractions, including museum, galleries, café and art shop. If you return your card at any shop in the village with the whole collection you get a free souvenir (a postcard) as a reward.

ได้แผนที่ของหมู่บ้าน และโปสการ์ดสวยๆมาหนึ่งใบเก็บไว้เป็นที่ระลึกค่ะ
ดูจากแผนที่แล้ว พวกเราคงเดินได้ไม่ครบเพราะมีเวลาน้อย เลยเลือกเส้นทาง A สั้นที่สุด

Gamcheon Culture Village Map

ดูแผนที่แล้วเดินตรงขึ้นเนินไปตามทางข้างหน้าเลยค่ะ ช่วงนี้เป็นวันหยุดยาวมีนักท่องเที่ยวเยอะมาก

Gamcheon Culture Village is A romantic alley where history, culture, and art meet.

มีมุมถ่ายรูปสวยๆให้แวะถ่ายรูปสองข้างทาง

Fish Swimming Through the Alley

The movement of fish makes the space full of vitality.

Express alleys as communication venues for villagers.

แผ่นไม้รูปปลาหลากสีเรียงตัวเป็นรูปปลาขนาดใหญ่กำลังว่ายน้ำเป็นฝูง
แผ่นไม้นี้เป็นเหมือนลูกศรชี้บอกเส้นทางในการเดินชมหมู่บ้าน

We have to follow the fish mounted on the wall,
 which are actually directional signs guiding us throughout the village. 

เดินตรงไปเรื่อยๆจนถึงสามแยกแล้วเลี้ยวซ้าย

สองข้างทางมีร้านค้าเยอะมากๆค่ะ


The huge illustration of BTS members, Jungkook and Jimin.

ภาพวาดบนผนังเป็นรูปของจองกุกและจีมิน วง BTS มีคนมายืนรอถ่ายรูปเยอะมากค่ะ

เดินต่อไปอีกนิดก็พบกับภาพวาดศิลปินวง BTS ทั้งเจ็ดคน

Hello Gamcheon !


Gamcheon Bakery ร้านเบเกอรี่ชื่อดังตกแต่งด้วยรูปแมวน่ารักๆ

ฝั่งตรงข้ามคือร้านขายของที่ระลึกและโบสถ์เล็กๆ

โบสถ์คริสต์ประจำหมู่บ้าน

มุมถ่ายรูปสวยๆ

Grand Budapest Doll Hotel : พิพิธภัณฑ์ตุ๊กตาโบราณจากทั่วโลก
This museum is filled with a collection of dolls from a notable person named Ray. 

ด้านข้างพิพิธภัณฑ์คือที่เสี่ยงเซียมซี ทำนายโชคชะตา

หยอดเหรียญแล้วหมุนจะได้ไข่สีแดงคนละใบ เป็นภาษาเกาหลีหมดเลยค่ะ

Little Prince and Fox Statues
Little Prince and Fennec Fox, who left the star and come to the earth,
 arrive in Gamcheon Culture Village and look down at the village.

มุมรูปปั้นเจ้าชายน้อยและหมาจิ้งจอกถือว่าเป็นไฮไลท์ของหมู่บ้าน มีคนต่อแถวถ่ายรูปยาวมากๆ
 แม่ตุ๊กไปลองยืนต่อแถวแทบไม่ขยับคงต้องรออย่างน้อย 1 ชั่วโมงแน่ๆ เลยมาถ่ายรูปมุมข้างๆแทนค่ะ

 The photo zone where the little prince and the fox is the highlight of the alley trip. 

คุณป๋าพาเดินลงมาถ่ายรูปที่ระเบียงด้านล่าง แล้วถ่ายย้อนขึ้นไปหาเจ้าชายน้อยค่ะ
แต่ละคนจะถ่ายรูปกันนานมาก ทำให้ต้องรอคิวนาน 

The Love Locks : the colorful locks are placed on the balcony of the store.
ชั้นดาดฟ้าของตึกสีขาวด้านข้างรูปปั้นมีราวเหล็กสำหรับคล้องกุญแจคู่รัก


หาจังหวะตอนที่คนกำลังเปลี่ยนคิวถ่ายรูป ก็พอจะเก็บภาพกับเจ้าชายน้อยได้ค่ะ

มุมถ่ายรูปตรงระเบียงนี้สวยดีค่ะ

พวกเราได้เก็บภาพกับเจ้าชายน้อยและหมาจิ้งจอกครบทุกคนแล้วค่ะ

The village’s beautiful landscape gave it the nickname of the Machu Picchu of Korea.

หมู่บ้านคัมชอนได้รับฉายาว่าเป็น"มาชูปิกชูแห่งเกาหลี"

The Lighthouse 
 The white and blue combination, the site can be a great background for take pictures. 

เดินขึ้นมาจากระเบียงด้านล่างจะพบกับประภาคารสีขาวหลังคาสีฟ้า
ด้านในมีมุมถ่ายรูปสวยๆค่ะ

ถ่ายรูปจากหน้าต่างที่มีแบ็กกราวน์เป็นหมู่บ้านสีสดใส


เหลือเวลาอีกไม่มากพวกเราเลยเดินย้อนกลับทางเดิม หามุมสวยๆถ่ายรูปกันค่ะ

เดินขึ้นไปถ่ายรูปกับภาพเจ้าชายน้อยชั้นบนด้านข้างคาเฟ่

เจ้าชายน้อยจากดวงดาว B612 กับดอกกุหลาบแสนสวย

The iconic "I Love Gamcheon" sign
มุมถ่ายรูปเช็คอิน มีฉากหลังเป็นหมู่บ้านสีลูกกวาด

The artistic atmosphere in the village of pastel-colored houses is beautifully lined up like a maze.


ที่นี้มีร้านขายขนมเยอะมากค่ะ

แวะซื้อของที่ระลึก

There are various souvenir shops and workshops where you can stop by to attend the experience programs and create your own souvenir.

ภาพวาดรูปหมู่บ้านคัมชอนริมทางเดิน

ดวงดาวนั้นสวยงามเพราะดอกไม้ที่เรามองไม่เห็น (จากเรื่องเจ้าชายน้อย)

Artworks and mural paintings turn the backward alley of Gamcheon into an animated village.

Les étoiles sont belles, à cause d'une fleur que l'on ne voit pas... 
"The stars are beautiful, because of a flower that cannot be seen."


The little prince with a rose in his asteroid.


The town was a part of the painful history of Busan. Refugees settled in Gamcheon Village during the Korean War and cultivated the mountainous region to make a living. 

หมู่บ้านคัมชอนเกิดจากการตั้งรกรากย้ายถิ่นฐานของชาวเกาหลีซึ่งหนีภัยจากสงครามเกาหลี ในระหว่างปี ค.ศ.1950-1953 และอาศัยอยู่จนถึงปัจจุบัน มีการสร้างบ้านเรียงเป็นขั้นบันไดตามแนวภูเขา

Gamcheon Culture Village has become a romantic town engraved with beautiful memories rather than the painful traces of Busan’s modern history.

  Artists, students and residents decorated the village as a part of the Village Art Project in 2009.
The town grew into a leading tourist attraction of Busan since then.

Sweet Whispering of Dandelions

Expresses the wish that the residents' hopeful messages can be realized, 
just as dandelion spores blown on the wind blossom flowers.

ประติมากรรมรูปดอก Dandelion

House with Stories 
Embodies the various colors of residential forms with the shape of rising houses.

Gancheon Arirang
Reorganizes the scenery of Gamcheon Culture Village to accentuate the geographical feature and history.


ก่อนกลับแวะซื้อขนมปลาร้อนๆทานค่ะ

A fish-shaped bun

ที่นี่เป็นหมู่บ้านน่ารัก ถ้ามาช่วงคนน้อยๆน่าจะเดินเล่นถ่ายรูปได้สบายค่ะ

เวลา 15:00 น.เดินทางมาถึงชายหาดซงโด ไปเดินเล่นที่ซงโดสกายวอร์คกันค่ะ

Songdo Beach is the first public beach in Korea.  It opened in 1913.

ชายหาดซงโด เป็นชายหาดสาธารณะแห่งแรกของประเทศเกาหลีใต้ เปิดตั้งแต่ปี ค.ศ.1913


Songdo Cloud Trails (Songdo Skywalk) is located on the eastern side of Songdo Beach.

ด้านหลังคือเส้นทางเดินที่เป็นสะพานทอดยาวเหนือน้ำทะเลจากริมชายหาดซงโด

Songdo Cloud Trails is connecting to Geobukseom Island (Songdo Turtle Island),
in the middle before extending out further out to the sea.

ทางเดินนี้เชื่อมไปยังเกาะ Geobukseom ซึ่งเป็นเกาะเล็กๆกลางทะเลมีรูปร่างเหมือนกระดองเต่า

The origin of the Songdo Beach

ด้านในอุโมงค์มีภาพแสดงประวัติความเป็นมาของชายหาดและเกาะเต่า


Songdo Sea Cable car was reborn as the brand of Busan Air Cruz in June 2017.
It was a restoration project to revive the old reputation of Songdo Beach.

ด้านบนคือกระเช้าลอยฟ้า Busan Air Cruz เปิดดำเนินการในปี 2017

Thirty-nine cabins, including crystal cabins with transparent floors, 
travel over the ocean between Songnim Park on the east and Amnam Park on the west. 

เชื่อมระหว่างสวนฝั่งตะวันออกและสวนฝั่งตะวันตกของหาดซงโด



กระเช้านี้มีความยาว 1.62 กม.

ด้านหน้าคือสะพาน Namhang
 Namhangdaegyo Bridge is a Pleasant Ocean Trail.

Songdo Cloud Trails was opened in 2015 with the 365m long and 2.3m wide.
It is the longest and the first curve-shape skywalk in Korea. 

สะพานนี้เปิดตั้งแต่ปี ค.ศ. 2015 มีความยาว 365 เมตร กว้าง 2.3 เมตร ถือว่ายาวที่สุดในเกาหลี
ทอดยาวเหนือน้ำทะเลมีรูปร่างโค้งคล้ายมังกร

The skywalk features sections with a clear glass floor that feeling of walking on top of the ocean.

ตรงกลางสะพานเป็นกระจกใส มองลงไปเห็นน้ำทะเลสีฟ้า

The walking trail that connects in straight and curvy sections is surrounded by the ocean.

เดินไปชมวิวที่สุดทางเดิน

The views of the Songdo Sea seen from the cloud trail is captivating as large ships float on the ocean far away like specks and colorful cable cars go up and down. 



ประภาคารสีเหลืองกลางทะเล



ด้านหลังคือเกาะเต่า ตั้งอยู่ตรงกลางสกายวอร์ค


เดินย้อนกลับทางเดิม ไปเดินเล่นบนเกาะกันค่ะ

There are 2 statues on the small Turtle Island.
 It has the local legend of a love story between the dragon princess and a fisherman.

The dragon princess fell in love with the fisherman who helped her. She wished to marry him. 
 The dragon princess had to pray for a thousand days in the cave to become a human.

The dragon princess’s prayer was interrupted on the thousandth day. The evil sea monster returned to disrupt the ritual. The princess had became half-human and half-dragon.

The fisherman took to the sea to fight the sea monster and was victorious. 
He was gravely wounded and turned into a spirit.

มีตำนานเล่าว่าเจ้าหญิงมังกรตกหลุมรักกับชายชาวประมงที่ได้ช่วยรักษาเธอ
ทั้งสองรักกัน เจ้าหญิงต้องสวดภาวนาในถ้ำเป็นเวลา 1,000 วันแล้วจะกลายเป็นมนุษย์สามารถแต่งงานได้
ในวันสุดท้ายปีศาจแห่งท้องทะเลได้มาขัดขวางการภาวนา ชาวประมงจึงต่อสู้และสามารถฆ่าปีศาจได้ 
แต่เขาก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนเสียชีวิตกลายเป็นวิญญาน

เจ้าหญิงมังกรก็ไม่สามารถเป็นมนุษย์โดยสมบูรณ์ ยังเหลือหางมังกรไว้ 
พระราชามังกรทราบเรื่องราวก็สงสารลูกสาว จึงเสกให้ชาวประมงกลายเป็นหินเต่าอยู่บนเกาะ
และได้ครองรักกับเจ้าหญิงมังกรตลอดไปไม่แยกจากกันชั่วนิจนิรันคร์

The dragon king turned the fisherman into Turtle Rock,the dragon princess can live with him forever.
It is said that people who visit Turtle island are given the fortune of longevity and wealth. 
And couples who visit together will have their love come true.

มีความเชื่อว่าใครที่ได้มาเยือนเกาะเต่านี้จะมีชีวิตยืนยาวและร่ำรวย ส่วนคู่รักก็จะสมหวังตลอดไป

ด้านข้างมีรูปปั้นไข่เต่าขนาดใหญ่เป็นมุมถ่ายรูป

The half turtle egg shell lover seat overlooking the ocean is a photo zone.

ถ่ายรูปเสร็จก็เดินกลับทางเดิม


เก็บภาพเป็นที่ระลึกก่อนกลับค่ะ

ภาพมุมสูงของซงโดสกายวอร์ค จากเวปไซต์ www.visitbusan.net

อากาศหนาวๆ แวะซื้อเกาลัดเผาร้อนๆทานค่ะ

เวลา 16:00 น. เดินทางมาถึง Choengsapo เย็นนี้เราจะไปนั่งรถไฟปุ๊กปิ๊กกันค่ะ

Haeundae Beach Train: This train runs along Haeundae Beach, the most beautiful beach in Korea.

รถไฟสาย Haeundae Blueline วิ่งระหว่างสถานี Mipo - Cheongsapo - Songjeong

Haeundae Blueline Park is an eco-friendly redevelopment of the old railway facilities on 4.8 km 
of the Donghae Nambu Line: Haeundae Mipo - Cheongsapo - Songjeong. 

พอรถไฟแล่นผ่าน มป ขอเก็บภาพตรงมุมมหาชน ด้านหลังคือชายหาดแฮอึนแด วันนี้คนเยอะนิด

จองตั๋วออนไลน์สำหรับ Haeundae Sky Capsule เพราะช่วงเทศกาลจะเต็มเร็วมากค่ะ

จองเวลารถไฟมาแล้วรอคิวไม่นานค่ะ

รถไฟวิ่งไปและกลับระหว่าง Mipo station และ Cheongsapo station จะขึ้นที่สถานีไหนก็ได้ค่ะ

Cheongsapo station

พวกเราขึ้นที่สถานี Cheongsapo ซึ่งอยู่ทางฝั่งตะวันออก

รถไฟหนึ่งตู้นั่งได้ 2-4 คน

Cheongsapo Twin Lighthouse (white and red)

ถ้านั่งมาจากสถานี Mipo รางรถไฟจะอยู่ด้านนอกฝั่งทะเล

ตู้รถไฟมีหลากสีสัน บางคันก็มีลวดลายน่ารัก

วิวทะเลยามเย็น

The blue line park is a new attraction in Busan, that opened in October 2020.

รถไฟนี้เป็นที่เที่ยวใหม่ของเมืองปูซานเพิ่งเปิดใช้เมื่อปี 2020 ตรงกับช่วงโควิดพอดี


Haeundae Sky Capsule is a romantic four-seater automatic capsule train.

รถไฟนี้ขับเคลื่อนเองอัตโนมัติไปตามราง พวกเราก็นั่งชมวิวถ่ายรูปได้ตลอดทาง

The price one way for 2 persons = 35,000 W , 3 persons = 45,000 W, 4 persons = 50,000 W


ราคาตั๋วสามคน 45,000 วอน เดินทางเที่ยวเดียวไปลงสถานีปลายทาง

The sky capsule moves at average speed 4 km/h (30minutes of running times/One way)

รถไฟแล่นช้าๆด้วยความเร็ว 4 กม.ต่อชั่วโมง เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ชมวิวทะเลสวยๆ



Sky Capsule travels 2 km from Haeundae  Cheongsapo to Mipo.


ระยะทางระหว่างสองสถานี 2 กม. ใช้เวลาประมาณ 30 นาที



 Viewing the spectacular coastal scenery from 7 to 10 meters up in the air.

ชมวิวชายทะเลปูซานที่ความสูง 7-10 เมตร เหนือน้ำทะเล

There are 80 Capsules with many colors.

ด้านล่างคือชายหาดแฮอึนแด มีร้านอาหารและคาเฟ่มากมาย

หน้าหนาวพระอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้าเร็ว

รถไฟสกายแคปซูลมีทั้งหมด 80 คัน วิ่งต่อเนื่องตั้งแต่เช้าถึงเย็น

ด้านหน้าคือสถานีปลายทาง

คาเฟ่สีเหลืองสดใส ชั้นบนมีระเบียงถ่ายรูป

Cafe Rabbit

Mipo Station

มีคนต่อแถวรอขึ้นรถไฟยาวมากเลยค่ะ

ภาพมุมสูงของ บลูไลน์พาร์ค https://www.bluelinepark.com

นั่งรถนานเริ่มหิว ลงไปหาขนมทานที่ชั้นล่างค่ะ

ทานโอเด้งร้อนๆ

Haeundae Blueline Park is a core tourist facility in the Haeundae Special Tourist Zone of Busan.


เดินเล่นบริเวณรอบๆสถานีตอนนี้มีการจัดงานปีใหม่ มีร้านอาหารวางขายหลายร้าน

ซุ้มไฟและดอกไม้

ทางซ้ายมือคือทางเดินลงชายหาด




เวลา 17:30 น. นั่งรถมาชมวิวสะพานควังอัน

ตอนนี้พระอาทิตย์ตกแล้ว ฟ้าเริ่มมืดมีลมทะลทำให้อากาศเย็นมากๆค่ะ

Busan Gwangandaegyo Bridge (Gwangan-daero)
It stretches over 7.4 kilometers from Namcheon-dong in Suyeong-gu, Busan to Centum City in U-dong, Haeundae-gu. It is the longest bi-level bridge over the ocean in Korea.

สะพานควังอันเป็นสะพานแห่งแรกในเกาหลีที่สร้างข้ามทะเล 
เชื่อมระหว่างเมืองเก่าปูซานและย่านใจกลางเมืองใหม่ ตัวสะพานมี 2 ชั้น ยาว 7.42 กม.

 Equipped with thousands of LED lights, the bridge showcases a beautiful lighting exhibition at night that changes with the seasons. The bridge offers a majesty beauty when combined with nearby attractions during the day and a romantic atmosphere at night, attracting many residents and tourists.

ตัวสะพานประดับด้วยไฟ LED หลายพันดวง ทำให้มีสีสันสวยงามยามค่ำคืน

Haeundae Movie Street
"Street of Cinema" is located along the coastal area in front of the Park Hyatt Busan.

ลานริมทะเลนี้เป็นสถานที่ๆใช้จัดงาน Busan International Film Festival
โดยรอบมีภาพหนังเกาหลีที่โด่งดังหลายเรื่อง

รอยประทับมือของศิลปินคนดังหลายคน

This Cine Road was established with the concept "Play and enjoy with cinema".
 With interesting attractions associated with films on an 800 m–long coastal section of the marine city.

ถนนเส้นนี้ยาวตลอดชายทะเลประมาณ 800 เมตร




เริ่มมืดก็ได้เวลากลับที่พักแล้วค่ะ

เวลา 18:00 น. เดินทางกลับที่พัก Ibis Hotel อยู่ใกล้ชายหาดแฮอุนแดเลยค่ะ
เช็คอินและเอากระเป๋าไปเก็บที่ห้องพัก

ห้องพักใหญ่มาก 1 ห้องนอน 1 ห้องนั่งเล่น 2 ห้องน้ำ ห้องสะอาด อุปกรณ์ครบ

เวลา 18:30 น. ออกไปทานอาหารที่ตลาดแฮอุนแด ตอนนี้ฝนตกหนักมากค่ะ
มปเลือกร้านอาหารร้านดัง "Miryang Sundae-dwaeji-gukbap"

มีที่นั่งว่างพอดี สั่งอาหารแล้วรอไม่นานค่ะ

สั่งเมนูแนะนำมาสามอย่าง อร่อยดีค่ะ

ทานอาหารเสร็จก็ออกไปเดินเล่นชมไฟประดับ แต่ฝนก็ยังตกไม่หยุด


แวะหลบฝน ทานไอศกรีมกันก่อน

เวลา 19:30 น. ฝนยังไม่หยุดตก คุณป๋าเลยชวนกลับที่พักไปนอนค่ะ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น