TUKEMD

__TUKEMD__ชื่อบ้าน อ่านว่า ตุ๊ก-เอ็ม-ดี นะจ๊ะ เป็นชื่อในเน็ตของแม่ตุ๊กเองค่ะ

บ้านหลังน้อย หลังนี้เป็นของแม่ตุ๊ก,น้องมะปราง และ คุณป๋า

เป็นบล็อกเพื่อบันทึกความสุข ความทรงจำ ในการท่องเที่ยวที่ต่างๆของครอบครัวเราค่ะ



2559/05/04

2.เจจู อแควเรี่ยม-พิพิธภัณฑ์หมีนานาชาติ(Teddy Bear)

วันพุธที่ 4 พ.ค.2559
เวลา 11:00 น.
ออกเดินทางต่อมายัง AQUA PLANET เป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออก(East Asian) มีสัตว์ทะเลมากกว่า 5,000 ชนิด




 HANWHA AQUA PLANET JEJU ค่าเข้าชมคนละร่วม 40,000วอน




ด้านในเต็มไปด้วยตู้ปลามากมาย น้ำใสสะอาด





ตู้ปลามีตั้งแต่ขนาดเล็กจนถึงขนาดใหญ่อลังการ






จัดแยกเป็นโซนแต่ละประเภท




นำปลามาจากหลายแหล่งน้ำทั่วโลก ( Five Oceans)






ห้อง Thrill Water คือห้องที่มีพื้นเป็นกระจกใส สามารถเดินเข้ามองชีวิตสัตว์ด้านล่างได้





มีสัตว์เลื้อยคลานและสัตว์ครึ่งน้ำครึ่งบกด้วยค่ะ





สัตว์หายากหลายชนิด



ห้องนี้สวยค่ะ แต่ละขวดมีสัตว์น้ำดองไว้




สีสวย โครงร่างชัดมาก



นากอ้วนๆนอนกันอยู่สองตัว




แมวน้ำว่ายวนไปมา






แมงกระพรุนจะเรืองแสงในที่มืด



แมวน้ำตัวนี้น่ารักมากๆค่ะ ว่ายน้ำคาบเชือกว่ายวนไปมาเหมือนจะชวนมะปรางให้เข้าไปเล่นด้วย




Stuffed Specimen






ให้อาหารเพนกวิน



วงจรชีวิตเพนกวิน




ที่นี่เป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ทางทะเล




รูปภาพและคำบรรยายละเอียดมาก



มีความรู้เกี่ยวกับธรรมชาติและสิ่งมีชีวิตใต้ทะเล






กัปตันคุ้กหลบอยู่ในถ้ำ



ลูกฉลามน่ารัก




ปลาออร์ (Oarfish) หรือ ปลาริบบิ้น  ตัวนี้ยาวถึง 462 ซม.




ช่องแอบส่องปลา




เข้าอุโมงค์กันค่ะ (Submarine Tunnel)




Fish Ball ฝูงปลาซาร์ดีนกว่า 20,000 ตัว อยู่รวมกับฉลาม



                นักประดาน้ำกำลังโชว์ให้อาหารปลาอยู่ค่ะ ปลารุมล้อมจนแทบมองไม่เห็นคนเลย



ปลากระเบน (Manta ray)




เหมือนนกกำลังบินโชว์เหนือหัวเลยค่ะ







ตู้ปลาขนาดใหญ่(Main Tank)อยู่ชั้นล่างสุด




มะปรางบอกว่าเหมือนเราไปยืนอยู่ใต้ทะเลจริงๆเลยค่ะ 




มีฉลามหลายตัว




ฉลามพุ่งชนหัวมะปรางแล้ว




ยิ้มหวานแยกเขี้ยว









สวรรค์ของนักถ่ายรูป(ใต้น้ำ)ตัวน้อย





เดินชมจนครบ 3 ชั้นก็ได้เวลาออกเดินทางต่อแล้วค่ะ

Have a Good Day in Wonderful JEJU.




ตรงทางออกเป็นร้านขายของที่ระลึกค่ะ




เข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัวเสร็จก็เดินออกมาทางประตูหลัง



ติดชายทะเลเห็นภูเขาไฟอิลจุลบงอยู่ไม่ไกล



ปกติช่วงเช้าๆที่ทะเลด้านหลังนี้จะมี ฮันยอ(Haenyeo)หรือคุณป้านักดำน้ำ มาจับสัตว์ทะเลด้วยค่ะ



เวลา 13:00 น.ไปทานอาหารเที่ยงใกล้ๆหมู่บ้านวัฒนธรรมค่ะ




มื้อนี้คือ แทจีพุลแบ็ก เป็นการนำเนื้อหมูที่หมักสูตรพิเศษมาผัดกับน้ำซุปขลุกขลิก 
มีรสหวานและเผ็ดนิดๆ(เด็กได้ไข่ดาวพิเศษอีกแล้ว) อร่อยทานกันหมดเรียบเลยค่ะ



ปิดท้ายด้วยไอติมเมลล่อนคนละแท่ง(อากาศเย็นแล้วยังทานไอติมกันอีก)




เวลา 14:00 น.ไปเยี่ยมชมหมู่บ้านวัฒนธรรมซองอึบ (Seongeup Folk Village) 
สถานที่ถ่ายทำซีรี่ย์เรื่องแดจังกึม



ที่นี่เป็นหมู่บ้านโบราณอายุมากกว่า 300 ปีและยังมีชาวบ้านอาศัยอยู่จริง



ประตูรั้วบ้านเป็นเอกลักษณ์พิเศษมีไม้กั้น 3 อัน
กั้นหมด3อันแสดงว่าไม่อยู่บ้านไปไกลอีกนานกว่าจะกลับ
เอาอันบนลง1อันแสดงว่าออกไปข้างนอกใกล้ๆเดี๋ยวกลับ
เอาไม้ลงหมดทุกอันแสดงว่าอยู่บ้าน




บนเกาะเจจูเราจะพบหินคุณปู่ฮารูบัง (Dol ha ru bang) จำนวนมาก ชาวบ้านเชื่อว่าหินนี้มีความศักดิ์สิทธิ์ช่วยปกป้องจากอันตราย และเป็นเสมือนตัวแทนของผู้ชาย นิยมตั้งไว้บริเวณทางเข้า-ออก บางทีก็วางเป็นแนวยาวรอบบ้าน



ยังมีความเชื่ออีกว่า ถ้าลูบที่ท้องคุณปู่จะร่ำรวย
มีชาวเกาหลีจำนวนมากมาขอบุตรกับหินคุณปู่ โดยลูบที่หูจะได้ลูกผู้หญิง ลูบที่จมูกจะได้ลูกผู้ชาย
ลูบหินที่มือขวาอยู่สูงจะได้ลูกเก่งทางบุ๋น ลูบหินที่มือซ้ายอยู่สูงกว่าจะได้ลูกเก่งทางบู๊




เอกลักษณ์ของการสร้างบ้านที่นี่คือใช้ดินเหนียวผสมมูลม้าเป็นตัวยึดก้อนหินเข้าด้วยกัน หลังคามุงด้วยหญ้าแฝก




ข้างหลังจะเห็นภาพของคุณป้านักดำน้ำ (Haenyeo) 
ซึ่งใส่เพียงชุดสีดำไม่มีถังออกซิเจน ดำลงไปใต้ท้องทะเลเพื่อจับสัตว์น้ำมากินและขาย
ส่วนหินกลมๆที่เห็นก็เอาไว้บดกระดูกม้า(ที่ตายแล้ว)นำมาขายเช่นกัน



หน้าที่ของผู้หญิงบนเกาะนี้คือ ต้องสะพายไหเดินขึ้นเขาสูงไปหาน้ำจืดมาเก็บไว้ใช้
และยังต้องเอาลูกใส่ตะกร้าไปเลี้ยงระหว่างทำงานด้วย เพราะผู้ชายมีน้อยและไม่ทำงาน




แต่ละบ้านจะมีไห(ลักษณะเหมือนโอ่งเลยค่ะ)วางเรียงอยู่ โดยไหนี้ไว้สำหรับหมัก"โอมีจา" หรือ 
แบล็คราสเบอรรี่ ที่มีเฉพาะบนเกาะเจจู โดยชาวบ้านจะนำผลเบอรี่ป่ามาใส่ลงในไหพร้อมกับน้ำผึ้ง
หมักไว้ 3 ปีจึงเอามารับประทานได้ รสชาติหวานอมเปรี้ยว สมัยก่อนนำมาใช้วินิจฉัยอาการเจ็บป่วย
และรักษาอาการเจ็บคอ ไอเรื้อรัง



พื้นดินที่เกาะนี้ข้างล่างเป็นหินภูเขาไฟไม่สามารถกักเก็บน้ำไว้ได้เลยชาวบ้านเลยจำเป็นต้องหา
วิธีการเก็บน้ำจืดอีกแบบ โดยนำหญ้าแห้งมามัดเป็นเกลียวผูกติดกับต้นไม้
เพื่อให้น้ำหยดลงมาใส่โอ่ง เหมือนการกรองน้ำไว้ใช้



 3 สิ่งที่บนเกาะนี้มีมากคือ 1.หิน 2.ลม 3.ผู้หญิง
ส่วน 3 สิ่งที่บนเกาะนี้ไม่มีคือ 1.รั้ว 2.ขอทาน 3.ขโมย




สมัยก่อนชาวบ้านจะเลี้ยงหมูไว้ในหลุมติดกับส้วมเพื่อให้มันกินสิ่งขับถ่าย เพราะความยากจนแค่หากินกันในครอบครัวก็ลำบากมากแทบไม่พอกินแล้วค่ะ (ดูลักษณะแล้วเหมือนหมูดำคุโรบูตะเลย55)




เดินชมจนรอบหมู่บ้านแล้วก็ออกมานั่งรอรถบัสด้านหน้าค่ะ



เวลา 16:00 น.เดินทางต่อมายัง TEDDY BEAR SAFARI : Teseum เป็นพิพิธภัณฑ์หมีนานาชาติ




เมื่อจ่ายค่าเข้าชมคนละ 6000 วอนแล้วจะได้สายรัดข้อมือคนละอัน
แล้วเดินตามรอยเท้าหมีเข้าไปด้านในได้เลยค่ะ




โซนด้านหน้าทางซ้ายมือเป็นเรื่อง Ice Age






 มุมสุดฮิต หมีน้อยซาฟารีกับรถ Range Rover




โซนแอฟริกา




SLOTH





จำลองทุ่งหญ้าและสัตว์ป่า




โซนสัตว์หากินตอนกลางคืน




มีแพนด้าด้วยค่ะ




จิงโจ้อยู่กับนกกระจอกเทศ




Teddy Bear ตัวใหญ่มาก








ที่พิพิธภัณฑ์นี้น่าจะเป็นสถานที่รวบรวมตุ๊กตาไว้มากที่สุดได้เลยนะคะ





โซนโลกใต้ทะเล





เดินขึ้นไปชั้นสองกันค่ะ




หมีตัวใหญ่นี้ให้เด็กๆขึ้นไปปีนเล่นได้นะคะ




ด้านบนจะจัดแสดงแยกเป็นห้องต่างๆหลายห้องค่ะ





Hera เทพธิดากรีก




Gods from Greek






จัดแสดงเป็นเรื่องนิทานของเด็กๆ



เข้าไปในโซนพระราชวังกันค่ะ




เจ้าชายและเจ้าหญิงกับปราสาท




พระราชินีผู้เลอโฉม






เจ้าหญิงนิทรา







เด็กแว้นซ์






หมีแต่ละตัวขนาดความสูงเท่าคนจริงเลยค่ะ






ห้องนอนน่ารัก





มะปรางขอเป็นนักร้องนำ(ช่างกล้าจริงๆ55)




เดินจนครบทุกห้องก็ถึงทางออกแล้วค่ะ ลงไปชั้นล่างกัน



ลงมาก็จะเจอร้านขายของที่ระลึก หมีแต่ละตัวราคาค่อนข้างสูงค่ะ แต่พวกเราได้ฟรีมาคนละตัว




เวลา 18:00 น.กลับมาโรงแรมที่พักเพื่อทานอาหารเย็นกันค่ะ มื้อนี้เป็น "ชาบู ชาบู"




เป็นการนำผัก เห็ด เบคอนหมู ใส่น้ำซุปร้อนๆต้มจนเดือด ทานกับข้าวสวยและกิมจิ อร่อยเหมือนเดิมค่ะ



ทานอาหารอิ่มแล้วก็ออกไปเดินริมทะเลที่อยู่ด้านหน้าโรงแรมกันต่อค่ะ



มืดและเงียบมาก ไม่มีคนเลย



นั่งรับลมทะเลเย็นๆริมชายหาด




ฟ้ามืดมาก มะปรางขอส่องดาวที่เกาหลีหน่อยว่าเหมือนเมืองไทยไหม



ได้เวลากลับไปนอนแล้วค่ะ




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น