TUKEMD

__TUKEMD__ชื่อบ้าน อ่านว่า ตุ๊ก-เอ็ม-ดี นะจ๊ะ เป็นชื่อในเน็ตของแม่ตุ๊กเองค่ะ

บ้านหลังน้อย หลังนี้เป็นของแม่ตุ๊ก,น้องมะปราง และ คุณป๋า

เป็นบล็อกเพื่อบันทึกความสุข ความทรงจำ ในการท่องเที่ยวที่ต่างๆของครอบครัวเราค่ะ



2554/01/09

3. เขื่อนเชี่ยวหลาน(กุ้ยหลินเมืองไทย)



1 ม.ค.54
เวลาประมาณ 9:00น. พวกเราก็เช็คเอาท์จากเขาสกชีวาลัย ออกเดินทางไปเขื่อนกัน ระยะทางจากรีสอร์ทไปท่าเรือที่เขื่อนประมาณ 60 กว่า กม. ขับเรื่อยๆก็ประมาณ หนึ่งชั่วโมงถึง อ.บ้านตาขุน จะมีป้ายบอกให้เลี้ยวซ้ายเข้าไปอีกประมาณ 10 กว่า กม.

10:30น.พอไปถึงที่ท่าเรือเทศบาล คนเริ่มแน่นแล้ว วนหาที่จอดรถก่อน เวลาจอดต้องเลือกที่ดีๆเพราะอาจจะมีพวกที่มาจอดปิดทางออกของเรา แล้วไปค้างคืน กลับมาล่ะก็เอารถออกไม่ได้เพราะใส่เบรคมือล็อครถกันอย่างแน่นหนา

เสียค่าธรรมเนียมเข้าเขื่อน คนละ 40 บ. เด็กฟรี ถ้าเป็นต่างชาติก็อีกราคาค่ะ

เท่าที่สอบถามราคาสองพันนี้เป็นราคาช่วงเทศกาล ปกติจะถูกกว่านี้

เตรียมหมวกกันแดด และทาซันบล็อกให้เรียบร้อย ลืมแว่นกันแดดค่ะ

เนื่องจากเราจองเรือไว้ก่อน ก็มีคนมาพาพวกเราลงเรือออกเดินทางทันที

ไม่ต้องเข้าคิว ไม่ต้องสอบถาม ไม่ต้องต่อราคา
มีพยานยืนยันได้ว่าเราไปกับใคร ไม่ต้องกลัวว่าคนเรือจะเอาเราไปหมกที่ไหน

มีเรือมาจอดรอหลายสิบลำ

ออกเดินทางล่องเขื่อนเลยจ้า

เรือลำใหญ่นั่งสบาย แม่ตุ๊กบอกให้เค้ากางหลังคาดีกว่าจะได้ไม่ร้อน ควรใส่เสื้อชูชีพด้วย เพราะน้ำลึกมากก...

สองข้างก็โอบล้อมไปด้วยภูเขา

อากาศดี ไม่มีฝน แดดแรงเชียว เลยไม่ค่อยเห็นหมอกบนเขา

แม่ตุ๊กมีหน้าที่ถ่ายวีดีโอ เก็บภาพบรรยากาศ

มะปรางเริ่มออกเดินไปอาบแดดแล้วข้างหน้าแล้ว

มะปรางนั้น..she จะชอบนั่งที่หัวเรือทุกครั้ง ประมาณว่าอยากเป็นแม่ย่านางมั้ง... ไม่กลัวตกเรือเอาเลย

น้ำในเขื่อนใสมากเป็นสีเขียวๆเหมือนน้ำทะเลแถวตรัง-กระบี่ ลมเย็นน้ำกระเซ็น จนหนาวเลยล่ะ

ดูเหมือนมีหมอก(เมฆ)ปกคลุมเขาอยู่ด้านหน้า

งดงาม

มีเกาะเล็กๆกระจายอยู่ทั่วๆ

เห็นระดับน้ำของเก่า เวลาน้ำมากก็ขึ้นสูงเหมือนกันนะ

พวกฝรั่งชอบมาที่นี่กันมาก นั่งเรือตากแดดกันตัวแดงเชียว

เขาสูงๆแหลมๆถ้ามีหมอกด้วย เค้าจะเรียกว่า"เขาเสียบหมอก"

หุหุ..เห็นใบไม้สีแดงด้วย

หันมามองอีกทีคุณป๋านั่งสบาย สงสัยว่าทำอะไรอยู่น้า..เล่นเน็ต???

มะปรางเขยิบไปนั่งจนถึงหัวเรือแล้ว...ชอบมาก

นั่งเรือมาร่วม ชม.ก็มาถึง"หินสามเกลอ"แล้ว เป็นจุดชมวิวของเขื่อนนี้เลย

เก็บรูปหมู่กันหน่อย คุณป๋าตั้งขากล้องบนเรือที่โคลงเคลงๆเพราะลมแรงมากๆ

มีคนพายเรือคายัคมาด้วย...แข็งแรงจริงๆ

นักท่องเที่ยวทุกคนต้องมาที่จุดนี้กันทั้งนั้น

คนเรือจะเรียกที่นี่ว่า "กุ้ยหลิน" เก็บอีกรูปก่อนกลับ

ไม่ได้แวะให้อาหารปลาแพนางไพร เหมือนคนเรือรีบทำเวลายังไงไม่รู้ คงกะจะให้ได้หลายๆเที่ยว
ที่จริง วันละ 2 เที่ยวก็มากแล้วนะ

เรือลำข้างๆนี้ใหญ่ดี ที่นั่งขับเป็นพวงมาลัยรถด้วย

กลับถึงฝั่งอีกทีก็ใกล้เที่ยงแล้ว เค้าพาเรามาขึ้นอีกท่าหนึ่ง ไม่มีคนเลย

ด้านบนมีร้านขายอาหารด้วย แต่ดูเป็นเพิงๆกลัวไม่สะอาดล่ะ


เราเลยมากินข้าวตรงแถวประชาสัมพันธ์ด้านหน้า รสชาติพอใช้ นั่งสบาย ไม่มีคนเลยเพราะราคาค่อนข้างแพง

มองมาจากร้านอาหารชั้น2 วิวสวยดี

พอกินเสร็จก็ขับรถต่อไปยังสันเขื่อน (ท่าเรือกับสันเขื่อนอยู่ห่างกันประมาณ 1 กม.)

แวะถ่ายรูประหว่างทางไปเรื่อยๆ

เป็นทางวันเวย์เลียบไหล่เขาไปเรื่อยๆ

พอเข้าไปตรงใกล้ๆสันเขื่อนจะพบสนามหญ้าขนาดใหญ่ เหมือนสนามกอล์ฟ มีร้านอาหารอยู่ด้านข้าง

จัดเป็นคล้ายๆสวนสาธารณะ ปรากฏคนเป็นพันเดินขวักไขว่เต็มไปหมด
เหมือนมาปิกนิค ปูเสื่อนั่งกินอาหาร

แวะไหว้พระและทำบุญกันก่อน

คุณป๋าพูดขึ้นมาว่านี่มันดอกอะไรเนี่ย?.....แล้วก็มีเสียงคนที่นั่งกินอาหารข้างๆบอกว่า "ดอกบัวผุด"

สวนสาธารณะริมเขื่อนร้อนค่ะ

คนมานั่งปูเสื่อกันทั่วไปหมด อากาศก็แสนจะอบอ้าว...

เดินๆๆมาเรื่อยๆ ร้อนสุดๆ

เขื่อนรัชชประภา เริ่มผลิตกระแสไฟฟ้าเมื่อ พ.ศ.2530

ศาลาเอนกประสงค์ คนเข้าไปหลบแดดกันเต็ม

มะปรางทนไม่ไหวแล้วร้อนมาก กลับกันดีกว่า

เห็นสันเขื่อนขนาดใหญ่ เป็นเขื่อนหินแกนดิน เก็บน้ำได้มากสุดที่ 5639 ล้าน ลบม.

หลังจากถ่ายรูปจนสบายใจแล้วก็กลับกันค่ะ เป็นทางวันเวย์ขับไปเรื่อยๆ ก็มาถึงทางออก

หาไอติมให้มะปรางกินแก้ร้อนหน่อย


1 ความคิดเห็น:

  1. หล่อนถ่ายรูปมาเยอะมากๆเลย ภาพตอนล่องเรือสวยดีเหมือนเมืองนอกเลยอ่ะ

    ตอบลบ